เหตุผลที่ บอลโลกขาด “ซาลาห์” ไม่ได้

ฟุตบอลโลก 2018 ใกล้เข้ามาทุกที ถึงปีนี้แฟนบอลจะไม่ได้เห็นเสื้อแข่งทีมชาติอิตาลี, เนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกา ในทัวร์นาเมนต์ด้วย แต่เชื่อว่านักเตะชั้นยอดจากหลายประเทศที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายยังมีคับคั่ง ดีกรีความเข้มข้นของการฟาดแข้งครั้งนี้ไม่น่าจะด้อยกว่าปีอื่นมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าแฟนบอลได้เห็นฝีเท้าของ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกจากอียิปต์คนล่าสุด
 
ซาลาห์ ระเบิดฟอร์มในฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาชีพค้าแข้งของตัวเอง ด้วยผลงานยิง 44 ประตู จาก 52 นัดรวมทุกรายการในฤดูกาลแรกกับลิเวอร์พูล สถิติการทำประตูใกล้เคียงกับสองนักเตะฟอร์มเทพแห่งยุคจากลีกยุโรปอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งยิง 45 ประตูจาก 54 เกมรวมทุกรายการกับบาร์เซโลน่า และ คริสเตียโน โรนัลโด้
 
ดาวเตะเรอัล มาดริด ซึ่งยิง 44 ประตูจาก 44 เกม ที่สำคัญ ซาลาห์ มีส่วนสำคัญในประตูชัยนัดสุดท้ายในรอบคัดเลือกการันตีตั๋วไปรัสเซียครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990
 
3 ยอดนักเตะข้างต้นจะเป็นดาราในสนามหญ้าของทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลก 2018 ที่ถูกจับตามากที่สุด แต่โชคชะตาอาจเล่นตลกกับแฟนบอลและนักเตะอย่างซาลาห์
 
เมื่อนักกีฬาขวัญใจชาวอียิปต์ได้รับบาดเจ็บไหล่ซ้ายจากเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ หลังเล่นไปครึ่งหนึ่งของ 45 นาทีแรก
 
ถึงแม้ซาลาห์ ทวีตในทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการแสดงความ “มั่นใจ” ว่า จะหายกลับมาทันช่วยทีมลุยฟุตบอลโลกได้ โดยหลังจบเกม 2 วัน สมาคมฟุตบอลอียิปต์พาซาลาห์ไปรับการรักษาที่ประเทศสเปนโดยมีประธานองค์กรลูกหนังร่วมทางพร้อมกับทีมแพทย์ของลิเวอร์พูลด้วย เรียกได้ว่า “ดูแลอย่างดี” เลยก็ว่าได้
 
รัฐมนตรีด้านกีฬาเชื่อว่าซาลาห์จะพร้อมลงสนามภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งถ้านับจากวันที่ 28 พฤษภาคม จะไปครบกำหนดในวันที่ 11 มิถุนายน ก่อนหน้าโปรแกรมนัดแรกของอียิปต์ ที่จะพบกับอุรุกวัย ทีมร่วมกลุ่มเอ วันที่ 15 มิถุนายน
 
ที่ต้องดูแลอย่างนี้คงไม่ใช่แค่จากเหตุผลเรื่องซาลาห์เป็นตัวความหวังของทีมเท่านั้น แต่เวลานี้ซาลาห์มีสถานะเป็น “ฮีโร่” ที่ให้แรงบันดาลใจชาวอียิปต์และทำให้คนในชาติร่วมกันฝ่าฟันปัญหา เดินหน้าต่อท่ามกลางสภาวะปัญหาภายในประเทศที่ยากลำบากทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ตั้งแต่ซาลาห์ระเบิดฟอร์มกับลิเวอร์พูล อียิปต์ที่ถูกมอนิเตอร์อยู่แล้ว
 
ก็กลายเป็นได้รับความสนใจจากสื่อต่อบรรยากาศภายในประเทศมากกว่าเดิมอีกขั้น ขณะที่ซาลาห์ก็เป็นนักกีฬาที่ได้รับความนิยมแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
 
ซาลาห์ถูกมองด้วยสถานะฮีโร่ของประเทศ เพราะเขาเป็นบุคคลตัวอย่างหลายด้าน ที่สำคัญคือเขาสะท้อนว่า คนในประเทศที่ประสบปัญหาด้านความเป็นอยู่ก็ยังประสบความสำเร็จได้ตามความฝัน แฟนบอลอียิปต์รู้ดีว่าภูมิหลังของปีกดาวซัลโวมาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งเหมือนกับประชาชนทั่วไปในแดนฟาโรห์ เติบโตในครอบครัวที่ผู้ปกครองทำงานกับรัฐบาล ช่วงวัยเด็กต้องเดินทางรวมแล้ววันละเกือบ 10 ชั่วโมงจากหมู่บ้านไป-กลับศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสรที่เซ็นสัญญาด้วย
 
ซาลาห์เริ่มต้นเล่นอยู่กับทีมอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้เวลากับทีมท้องถิ่น 5 ปีก่อนมีโอกาสย้ายไปร่วมทีมบาเซิล ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นอาชีพในยุโรป และก้าวสู่เส้นทางอาชีพอย่างจริงจัง ซึ่งซาลาห์ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองกับหลายทีมในยุโรปก่อนจะมาระเบิดฟอร์มกับลิเวอร์พูล กับตำแหน่งดาวซัลโวที่มาพร้อมรางวัลรองเท้าทองคำ และผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีจากสมาคมนักเตะอาชีพไปจนถึงผู้เล่นแอฟริกันยอดเยี่ยมแห่งปี
 
ความสำเร็จของซาลาห์ทำให้สถานะของปีกฟอร์มแรงกลายเป็นนักกีฬาอียิปต์ที่ได้รับความนิยมขั้นสมาคมฟุตบอลที่มีข้อพิพาทเรื่องใช้ภาพของซาลาห์ เป็นส่วนหนึ่งของการโฆษณาโดยไม่ได้ขอเจ้าตัวก่อนต้องยอมถอยให้ เพื่อให้ซาลาห์ได้มีสมาธิกับการเตรียมตัวไปฟุตบอลโลก
 
นับตั้งแต่ขึ้นอันดับดาวซัลโวในฤดูกาลนี้ ทั่วทั้งประเทศอียิปต์มีภาพซาลาห์ปรากฏตามท้องถนน ป้ายโฆษณา และสื่อสารมวลชนนำมารายงานทางช่องทางต่าง ๆ ไม่เว้นวันประชากรในอียิปต์เกือบ 100 ล้านคนคลั่งไคล้ในตัวซาลาห์
 
ไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถ แต่ยังเป็นเพราะเหตุผลเรื่องความประพฤติและนิสัยในช่วงโด่งดังทั่วโลกซึ่งแทบไม่ต่างกับช่วงที่เขาเป็นเด็กหนุ่มในอียิปต์ ที่สำคัญคือไม่ลืมกำพืดของตัวเอง ยังเดินทางกลับมาบ้านเกิดทุกปี
 
ฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษที่ไม่ได้เป็นการขับเคี่ยวระหว่างเมสซี่, โรนัลโด้ และเนย์มาร์ เหมือนกับครั้งก่อนอีกแล้ว แฟนบอลชาวอียิปต์เกือบ 100 ล้านคน
 
พร้อมเหล่าเดอะค็อปทั่วโลกต้องการดูฟุตบอลโลกที่มี โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงผู้มีสถิติเคียงคู่กับดาวเตะแห่งยุคเหล่านี้ด้วย แน่นอนว่าผู้เกี่ยวข้องในอียิปต์ทุกรายยินยอมทำทุกวิธีเพื่อให้ซาลาห์สวมเสื้อแข่งลงสนามในรัสเซีย
 
ฟุตบอลโลกที่ขาดเมสซี่ และโรนัลโด้ อาจเป็นฟุตบอลโลกที่ขาดสีสันไป แต่ฟุตบอลโลกที่ขาดซาลาห์ คือความผิดหวังของวงการลูกหนังทั้งมวล
 
โอกาสที่จะเห็นยอดนักเตะมาพิสูจน์ฝีเท้าในรายการฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกแบบครบหน้าพร้อมกันในช่วงที่ทุกคนมีสภาพดีที่สุดในอาชีพนักฟุตบอลอาจไม่มีอีกแล้วในอนาคต