เมสซี่ก็แบกทีมไม่ไหว! “อาร์เจนติน่า” หลังรั่ว พ่าย “โครเอเชีย” 0-3 ลุ้นหนักนัดสุดท้าย

REUTERS/Lucy Nicholson
การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ประจำวันที่ 21 มิถุนายน คู่สุดท้ายของวัน เป็นการพบกันระหว่าง “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา พบกับ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ในเกมเตะนัดที่สอง กลุ่มดี ที่นิชนีย์ นอฟโกรอด สเตเดียม เมืองนิชนีย์ นอฟโกรอด ประเทศรัสเซีย

นัดแรกของทั้งสองทีม “ฟ้า-ขาว” ที่นำโดยสตาร์เวิลด์คลาสอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ทำได้แค่เสมอกับ ไอซ์แลนด์ 1-1 ส่วนโครเอเชีย เอาชนะ ไนจีเรีย 2-0

ฮอร์เก้ ซัมเปาลี กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ จัดทีมในระบบ 4-4-2 ประกอบด้วย วิลเฟรโด้ กาบาเยโร่ (ประตู), กาเบรียล เมร์กาโด้, นิโคลัส ตาเกลียฟิโก้, นิโคลัส โอตาเมนดี้, มาร์กอส อากุนญ่า, ลิโอเนล เมสซี่, มักซิมิเลียโน่ เมซ่า, ฮาเวียร์ มัสเชราโน่, เอ็นโซ่ เปเรซ, เอดูอาร์โด ซัลวิโอ และเซร์คิโอ อากูเอโร่

ส่วนโครเอเชีย ของกุนซือ ซลัตโก้ ดาลิช จัดทีมในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย ดาเนียล ซูบาซิช (ประตู), ซีเม่ เวอร์ซาลโก้, อีวาน สตรินิช, อีวาน เปริซิซ, เดยัน ลอฟเรน, อีวาน ราคิติช, ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, มาริโอ มานด์ซูคิช, อันเต้ เรบิช, โดมากอย วีด้า

เกมนี้ “เสือเตี้ย” ดิเอโก้ มาราโดน่า อดีตดาวดังทีม “ฟ้า-ขาว”อาร์เจนติน่า เข้ามาให้กำลังใจรุ่นน้องที่สนามด้วย เริ่มเกมครึ่งแรก คู่นี้เป็นบอลทันกัน สไตล์การเล่นคล้ายคลึงกัน ทักทายขึ้นมาลุ้นประตูจังหวะแรกของเกมเป็นของโครเอเชีย ในจังหวะของ เปริซิช ที่ลากจี้เข้าเขตโทษก่อนกดเรียดด้วยซ้ายทำให้กาบาเยโร่ ต้องออกแรงเซฟแรก

ทั้งสองทีมผลัดกันรุกอย่างดุดันทำให้เกมสนุกคู่คี่ ตัวทำเกมของทั้ง 2 ฝั่งอย่าง โมดริช, ราคิติช, เปริซิช ของโครแอตต่างปั่นป่วนแนวรับฟ้า-ขาว ขณะเดียวกัน เมสซี่, มาสเชราโน่ และกุน อากูเอโร่ ของฟ้าขาว ก็กดดันแนวรับตาหมากรุกได้เช่นกัน

นาที 29 อาร์เจนตินา หวุดหวิดได้ประตูขึ้นนำแบบสุดๆ เอ็นโซ่ เปเรซ ได้ส้มหล่นในเขตโทษชนิดไม่มีผู้รักษาประตูอยู่ด้วย แต่เปเรซ กลับแปเล่นทางจนออกนอกกรอบไปแบบหน้าตาเฉย

นาที 32 โครเอเชีย ตอบโต้ขึ้นมาบ้างและเกือบได้ประตูออกนำเช่นกัน เมื่อมานด์ซูคิช สอดตัวเองขึ้นมาจากแถวสองชนิดไม่ออฟไซด์ก่อนจะพุ่งโหม่งโล่งๆ หน้าประตูแต่บอลถากเสาออกไปแบบเหลือเชื่อ
สุดท้ายจบครึ่งแรกพังประตูกันไม่ได้เสมอกันอยู่ 0-0

ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังเล่นคล้ายครึ่งแรก นาทีที่ 52 กุน อากูเอโร่ ได้กระชากหลุด เดยัน ลอฟเรน ก่อนจะกดด้วยซ้ายแต่บอลไปตรงตัวซูบาซิช ประตูโครแอต

นาที 54 โครเอเชีย ได้ประตูออกนำสำเร็จ จากจังหวะความผิดพลาดของ กาบาเยโร่ ประตูอาร์เจนตินา ที่แปบอลโด่งไม่ดี บอลไม่ไปไหนไกล อันเต้ เรบิช กองหน้าโครเอเชีย เอียงตัววอลเลย์สุดสวยเข้าประตูไปให้โครเอเชียนำ 1-0

หลังเสียประตู ทีมฟ้า-ขาวปรับทัพใหม่ ถอด กุน อากูเอโร่ ออกแล้วส่ง กอนซาโล่ อิกวาอิน ลงมาแทน ส่วนอีกรายถอด เอดูอาร์โด ซัลวิโอ ออกแล้วส่ง คริสเตียน ปาวอน เข้ามาเติมเกมแดนกลาง

หลังเสียประตูอาร์เจนตินา โหมบุกอย่างหนักเพื่อหวังทวงประตูคืน นาทีที่ 63 ฟ้า-ขาว เกือบตีเสมอ เมสซี่ ลุยเข้าไปได้จังหวะยิงในเขตโทษแต่ราคิติชล้มตัวขวางไว้ได้

นาที 68 ฟ้า-ขาว เติมแนวรุกอีกคน ถอด เอ็นโซ่ เปเรซ ออกแล้วส่ง เปาโล ดีบาล่า ดาวเตะยูเวนตุส ลงมาแทน

นาที 79 โครเอเชีย ได้ประตูตอกฝาโลง เมื่อ ลูก้า โมดริช โยกหลอกกองหลังก่อนตะบันด้วยขวาสุดสวยบอลเสียบเสาเข้าไปอย่างหมดจดงดงามให้โครเอเชียนำ 2-0

แม้ท้ายเกมอาร์เจนตินา จะบุกแหลกแต่ไม่สามารถทวงประตูคืนได้ แถมยังต้องมาโดนกระทุ้งไปอีก 1 ตุงจากผลงานของ ราคิติช ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จบเกมโครเอเชีย เอาชนะ อาร์เจนตินา 3-0 เก็บเพิ่ม 3 แต้ม เตะ 2 นัดมี 6 คะแนน นำจ่าฝูงและเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว ส่วนอาร์เจนตินา เตะ 2 นัดมี 1 แต้ม นัดสุดท้ายอาร์เจนตินา จะพบกับ “อินทรีมรกต” ไนจีเรีย และต้องเอาชนะให้ได้สถานเดียว ขณะเดียวกันยังต้องลุ้นให้เกมเตะระหว่างไอซ์แลนด์ กับ ไนจีเรีย ในวันที่ 22 มิถุนายน ออกมาเสมอกัน แต่หากเป็นฝั่งไอซ์แลนด์คว้าชัยชนะได้สถานการณ์การเข้ารอบของทีมฟ้า-ขาว จะยากลำบากขึ้นทันทีเพราะแม้จะเอาชนะไนจีเรียได้แต่ต้องไปลุ้นผลต่างประตูได้เสียกับไอซ์แลนด์อีกเงื่อนไขหนึ่งด้วย

ส่วนในนัดสุดท้ายของ โครเอเชีย จะพบกับ ไอซ์แลนด์ ในวันที่ 26 มิถุนายน 01.00 น.

 


ที่มา มติชนออนไลน์