ฟ้า-ขาวเฮทั้งประเทศ! “โรโฮ” ฮีโร่ อาร์เจนฯ เฉือน ไนจีเรีย ท้ายเกม 2-1 ลิ่วชนฝรั่งเศส

Soccer Football - World Cup - Group D - Nigeria vs Argentina - Saint Petersburg Stadium, Saint Petersburg, Russia - June 26, 2018 Argentina's Marcos Rojo celebrates scoring their second goal with Lionel Messi and teammates REUTERS/Jorge Silva

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 กลุ่มดี นัดสุดท้าย คู่ระหว่าง “อินทรีมรกต” ไนจีเรีย ลงสนามพบกับ “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา อดีตแชมป์โลก 2 สมัย และรองแชมป์เก่า ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดียม ประเทศรัสเซีย เมื่อคืนวันที่ 26 มิถุนายน โดยผลงาน 2 นัดที่ผ่านมา ไนจีเรีย แพ้ โครเอเชีย 2-0, ชนะ ไอซ์แลนด์ 2-0 ขณะที่ อาร์เจนตินา เสมอ ไอซ์แลนด์ 1-1, แพ้ โครเอเชีย 0-3 ทำให้เกมนี้อาร์เจนตินาจำเป็นที่จะต้องคว้าชัยชนะให้ได้สถานเดียว เพื่อลุ้นเข้าสู่รอบต่อไป

เกมนี้รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงไนจีเรีย ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู ฟรานซิส อูโซโฮ, กองหลัง เลออน บาโลกุน, วิลเลียม ทรูสต์-เอคอง, เคนเน็ธ โอเมรูโอ, กองกลาง จอห์น โอบี มิเกล, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, โอเกเนคาโร เอเตโบ้, แนวรุกริมเส้น ไบรอัน อีโดวู, วิคเตอร์ โมเสส, คู่ศูนย์หน้า เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ และอาเหม็ด มูซ่า

ขณะที่ 11 ผู้เล่นตัวจริงอาร์เจนตินา นำโดย ลิโอเนล เมสซี่ ยืนคู่ศูนย์หน้ากับ กอนซาโล่ อิกวาอิน ขณะที่คนอื่นมีผู้รักษาประตู ฟรังโก้ อาร์มานี่, กองหลัง กาเบรียล เมร์กาโด้, นิโคลัส ตาเกลียฟิโก้, มาร์กอส โรโฮ, นิโคลัส โอตาเมนดี้, กองกลาง เอเวร์ บาเนก้า, ฮาเวียร์ มัสเชราโน่, แนวรุกริมเส้น เอ็นโซ่ เปเรซ และอังเคล ดิ มาเรีย

เกมครึ่งแรกนาทีที่ 14 อาร์เจนตินาพังประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เอเวร์ บาเนก้า วางบอลข้ามแนวรับไนจีเรียเข้าไปในเขตโทษให้ ลิโอเนล เมสซี่ จับบอลลงพื้นแล้วตะบันบอลด้วยขาหนีมือ ฟรานซิส อูโซโฮ นายทวารไนจีเรียเข้าไปตุงตาข่ายเป็นประตูแรกของเมสซี่ในทัวร์นาเมนต์นี้ รวมทั้งเป็นประตูที่ 100 ของฟุตบอลโลก 2018 และรวมเป็นประตูที่ 6 ในฟุตบอลโลก 3 สมัยของเมสซี่ด้วย จบครึ่งแรก อาร์เจนตินา ขึ้นนำ ไนจีเรีย 1-0

ครึ่งหลังนาทีที่ 48 อาร์เจนตินาเสียลูกจุดโทษจากจังหวะเตะมุมที่ ฮาเวียร์ มัสเชราโน่ ไปดึงตัว เลออน บาโลกุน ล้มลงไป ทำให้ผู้ตัดสินชี้ให้ไนจีเรียได้ลูกจุดโทษทันที และเป็น วิคเตอร์ โมเสส สังหารไม่พลาดให้ทีมตีเสมอสำเร็จ 1-1

จากนั้นอาร์เจนตินาเร่งเครื่องโหมบุกหนักหวังยิงประตูขึ้นนำให้ได้อีกครั้ง นาทีที่ 69 คริสเตียน ปาวอน ได้โอกาสสับไกยิงหน้ากรอบเขตโทษ แต่ยังไม่ผ่านมือนายด่านไนจีเรีย

ขณะที่ไนจีเรียอาศัยเกมโต้กลับเร็วบุกโต้ขึ้นมาได้ลุ้น จนในนาทีที่ 75 อาเหม็ด มูซ่า วางบอลเข้าไปในเขตโทษ และมาร์กอส โรโฮ กองหลังฟ้าขาวโหม่งบอลผิดเหลี่ยมไปโดนแขนตัวเอง ผู้ตัดสินขอดูภาพวีอาอาร์ก่อนตัดสินให้ไม่เป็นลูกจุดโทษ เพราะมองว่า มาร์กอส โรโฮ ไม่ได้เจตนาทำแฮนด์บอล ทำให้ไนจีเรียพลาดการได้ลูกจุดโทษครั้งที่ 2 อย่างน่าเสียดาย

จนกระทั่งนาทีที่ 86 อาร์เจนตินาพังประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 กาเบรียล เมร์กาโด้ ครอสบอลเข้าไปกลางเขตโทษให้ มาร์กอส โรโฮ เติมเกมรุกขึ้นมาวางเท้าขวาแปเน้นๆ ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายปลุกเสียงเชียร์แฟนฟ้าขาวกระหึ่มไปทั้งสนาม

จบเกม อาร์เจนตินา ชนะ ไนจีเรีย 2-1 คว้า 3 แต้มมาครองได้สำเร็จ ขณะที่ผลอีกคู่ ไอซ์แลนด์ แพ้ โครเอเชีย 1-2 ทำให้หลังลงเตะครบ 3 นัด อาร์เจนตินาเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มด้วยการมี 4 แต้ม ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ โดยจะเข้าไปพบกับ “ตราไก่” ฝรั่งเศส

ขณะที่โครเอเชียคว้าชัย 3 นัดรวด มี 9 แต้มเต็ม เป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ส่วน ไนจีเรีย มี 3 แต้ม เป็นอันดับ 3 และไอซ์แลนด์ มี 1 แต้ม เป็นอันดับ 4 กอดคอกันต้องรอบแรกไป

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์