ฟอร์มดุ! “ฝรั่งเศส” ซัดชัยเหนือ “อาร์เจนติน่า” 4-3 ลิ่วรอบ 8 ทีมสุดท้ายทีมแรก

เกมฟาดแข้งฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย ประจำวันเสาร์ที่ 30 มิ.ย.61 วันแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย “ตรงไก่”ฝรั่งเศส แชมป์กลุ่ม ซี พบ “ฟ้าขาว”อาร์เจนติน่า รองแชมป์กลุ่ม ดี ที่คาซาน อารีน่า เมืองคาซาน

ลูกทีม”ตราไก่” ภายใต้การคุมทีมของ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ โชว์ผลงาน ชนะ ออสเตรเลีย 2-1 ,ชนะ เปรู 1-0 และปิดท้ายเสมอ เดนมาร์ก 0-0 ประตู มี 7 คะแนนเข้ารอบ ขณะที่ ฟ้าขาวของ ฮอร์เก้ ซัมเปาลี สถานการณ์ร่อแร่มาในนัดแรกด้วยการเสมอ ไอซ์แลนด์ 1-1 นัดที่สองแพ้ โครเอเชียเละเทะ 0-3 ก่อนจะเฉือนชนะ ไนจีเรีย 2-1 มี 4 แต้มเข้ารอบแบบฉิวเฉียด

สถิติที่ผ่านมาทั้งสองทีมเคยพบกันมา 11 ครั้ง อาร์เจนติน่า ชนะ 6 เสมอ 2 ฝรั่งเศส ชนะ 3 นัด แต่ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ของการโคจรมาพบกัน อาร์เจนติน่าเก็บชัยรวด 2 นัด เกมนี้ยังคงมี ดิเอโก้ มาราโดน่า ตำนานลูกหนังโลกฟ้าขาวมาชมเกมเหมือนเดิม หลังจากนัดที่แล้วลุ้นหนักจนวูบ ถึงขั้นหามออกไปปฐมพยาบาล
สำหรับผู้เล่น 11 ตัวจริงทั้งสองทีม มีดังนี้
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : 1.อูโก โยริส – 2.แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์, 4.ราฟาเอล วาราน, 5.ซามูเอล อุมติตี, 21.ลูกาส์ เอร์น็องเดซ – 13.เอ็นโกโล ก็องเต, 6.ปอล ป๊อกบา – 10.คีลิย็อง เอ็มบัปเป, อ็องตวน กรีซมันน์, 14.แบลส มาตุยดี – 9.โอลิวิเยร์ ชิรูด์

อาร์เจนตินา (4-3-3) : 12.ฟรานโก อาร์มานี – 2.กาเบรียล เมร์กาโด, 17.นิโกลัส โอตาเมนดี, 16.มาร์กอส โรโฮ, 3.นิโกลัส ตายาฟิโค – 15.เอ็นโซ เปเรซ, 14.ฮาเวียร์ มาสเคราโน, 7.เอเบร์ บาเนกา – 22.คริสเตียน ปาบอน, 10.ลิโอเนล เมสซี, 11.อังเคล ดิ มาเรีย

REUTERS/Michael Dalder

เริ่มเกมห้านาทีแรกต่างฝ่ายยังคงระมัดระวัง เน้นครองบอลเป็นส่วนใหญ่ นาทีที่ 7 การรุกลากกระชากบอลของ เอ็มบัปเป ทำให้ฝรั่งเศสได้ฟาว์ลมีโอกาสสับลูกฟรีคิกหน้าเส้นกระโหลก กรีซมันน์ รับหน้าที่ปั่นไซด์บอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมพอดี บอลกระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 10 ด้วยฝีเท้าสปีดความเร็วของ เอ็มปับเปอีกครั้งลากบอลจากแดนตัวเองเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนโดน มาร์กอส โรโฮ เหนี่ยวล้ม ผู้ตัดสินเป่าฟาว์ลชี้เป็นลูกจุดโทษทันที

กรีซมันน์ รับนห้าที่สังหารไม่พลาดเป้า เมื่ออาร์มานี นายทวารฟ้าขาวพุ่งล้มผิดทาง บอลเรียดเข้าประตูกลายเป็นสกอร์ให้ ฝรั่งเศส ขึ้นนำ 1-0 ประตู ในนาที 13

REUTERS/Dylan Martinez

ถึงนาที 18 ฝรั่งเศสโยนบอลยาวทีเดียวให้ ปับเป้ ได้บอลก่อนถูกเกี่ยวล้มบริเวณกรอบเส้นกระโหลกพอดี ผู้ตัดสินให้เป็นฟรีคิก พอล ป๊อกบา ลองสับไกบ้างแต่บอลเหินข้ามคานไปแบบเสียของ

ทีมตราไก่ใช้ความเร็วเป็นทีเด็ดอีก กริซมันน์ ลากบอลขึ้นทางกราบขวาเข้ากรอบเขตโทษริมเส้น ก่อนเปิดมาหน้าประตู แต่ถูกผู้รักษาประตูฟ้าขาวตะครุบบอลไว้ได้หวุดหวิด อาร์เจนติน่าโต้กลับเร็วบ้าง รูปเกมผ่านไปอย่างรวดเร็วผลัดกันรุกรับ

เมสซี่ ดาวดังฟ้าขาวยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งของตัวเองได้มากเท่าไหร่ แต่กลับเป็นฝรั่งเศสที่ดูจะครองเกมบุก มีโอกาสพาบอลเข้ากรอบโทษคู่แข่งได้มากกว่า เพียงแต่ยังไม่สามารถจบจังหวะสุดท้ายได้เท่านั้น
ทว่าถึงนาที 41 แฟนๆฟ้าขาวที่อึดอัดมานาน ก็ได้โอกาสเฮกันลั่น เมื่อ 11 ได้บอลจากทางกราบซ้าย ก่อนตวัดยิงด้วยเท้าซ้ายระยะไกล 25 หลา บอลพุ่งหนีมือ อูโก โยริส นายทวารตราไก่ลอยเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสุดสวยกลายเป็นลูกตีเสมอให้อาร์เจนติน่า 1-1 ประตู จนจบครึ่งแรก

เริ่มครึ่งหลัง เพียงแค่ไม่กี่นาที อาร์เจนติน่า ได้ฟรีคิกเปิดบอลเข้ามาหน้าประตู แผงหลังฝรั่งเศสสกัดบอลแฉลบมาเข้าทาง เมสซี่ พาบอลหนีก่อนตวัดยิงบอลเรียดแฉลบโดนเท้า กาเบรียล เมร์กาโด เพื่อนร่วมทีมลูกเปลี่ยนทางเข้าประตูให้ “ฟ้าขาว” อาร์เจนติน่า ขึ้นนำบ้าง 2-1 ประตู

REUTERS/Carlos Garcia Rawlins

รูปเกมยังคงผ่านไปอย่างดุเดือด นาที 57 กองเชียร์ตราไก่ก็ได้เฮกันดังๆอีกครั้ง เมื่อ แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ กองหลังได้บอลเปิดมาจากทางริมเส้นกราบซ้าย ก่อนตวัดวอลเลย์ระยะไกล บอลพุ่งละลิ่วหนีมือ ฟรานโก อาร์มานี ผู้รักษาประตูอาร์เจนไตน์เสียบเสาสอง กลายเป็นสกอร์ตีเสมอให้ฝรั่งเศสบ้าง 2-2 ประตู
สกอร์ไม่หยุดเพียงเท่านั้น ถึงนาที 64 กองเชียร์ตราไก่ได้โชโยโห่ร้องกันอีกครั้ง จากจังหวะ ฝรั่งเศสได้บอลกลางสนาม ป๊อกบาเปิดออกซ้ายให้ เพื่อนก่อนจ่ายเข้ากลางให้ เอ็มบัปเป หวดด้วยซ้ายส่งบอลเข้าประตูกลายเป็นสกอร์ให้ฝรั่งเศส ออกนำอีกครั้งเป็น 3-2 ประตู จากนั้นทีมฟ้าขาวเปลี่ยนตัว ส่ง เซร์คิโอ อเกโร ลงแทน เอ็นโซ เปเรซ เพื่อเติมเกมรุกให้หนักแน่นขึ้น

REUTERS/Pilar Olivares

เกมผ่านไปอีกไม่นาน ฝรั่งเศสหนีห่างอีกครั้ง จากการจ่ายบอลจังหวะเดียว 3 ช่วงจากแดนตัวเองก่อนบอลถึง เอ็มบัปเป หวดเต็มข้อให้ ฝรั่งเศส หนีห่างเป็น 4-2 ในนาที 69 และกลายเป็นประตูที่สองของตนเองในเกมนี้อีกด้วย

ช่วงเวลาที่เหลือทดเวลาบาดเจ็บออกไป 4 นาที เมสซี่ ได้บอลเปิดโยนบาวข้ามฟากมาให้ อเกโร ทางเสาสองเทกตัวขวิดเผาขนเป็นประตูให้ อาร์เจนติน่า ไล่ตีตื้นขึ้นมาเป็น 3-4 ประตู

REUTERS/Dylan Martinez
REUTERS/Pilar Olivares

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์