หมายกำหนดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562

นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่วัน ประเทศไทยของเราจะเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญ คือ การพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งจะประกอบการพระราชพิธีในวันที่ 3-5 พฤษภาคมที่จะถึงนี้

แม้ว่าตามประกาศพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจะเกิดขึ้นในต้นเดือนพฤษภาคม แต่การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแบ่งพิธีออกเป็น 3 ช่วง คือ พิธีเบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องปลาย พูดง่าย ๆ คือจะต้องมีขั้นตอนการเตรียมงานก่อนจะถึงวันประกอบพระราชพิธี โดยพิธีเบื้องต้นกำลังจะเริ่มขึ้นในวันที่ 6 เมษายนนี้ นั่นก็คือ พิธีการจัดทำน้ำอภิเษกและน้ำสรงพระมุรธาภิเษก ซึ่งเป็นส่วนพิธีการที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศจะได้มีส่วนร่วมในพระราชพิธีอันสำคัญยิ่งนี้

เนื่องในโอกาสสำคัญอันเป็นประวัติศาสตร์ของชาติไทย “ประชาชาติธุรกิจ” จึงนำหมายกำหนดการขั้นตอนต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกมาไล่เรียงให้คุณผู้อ่านได้รับทราบกัน ดังต่อไปนี้

 

พระราชพิธีเบื้องต้น

วันที่ 6 เมษายน ฤกษ์เวลา 11.52-12.38 น. พิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันทั่วประเทศ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ในกรณีจังหวัดที่มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มากกว่า 1 แหล่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดจะพิจารณามอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด หรือหัวหน้าส่วนราชการเป็นประธานตามลำดับ ส่วนพิธีพลีกรรมตักน้ำสำหรับจัดทำน้ำสรงพระมุรธาภิเษก กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ผู้บริหาร คือ ปลัดกระทรวง และรองปลัดกระทรวง เป็นประธาน

วันที่ 8 เมษายน เวลา 17.10-22.00 น. พิธีทำน้ำอภิเษก ณ พระอารามหลวงประจำจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ส่วนพิธีจัดทำน้ำสรงพระมุรธาภิเษกใน 6 จังหวัดนั้น กระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ผู้บริหาร คือ ปลัดกระทรวง และรองปลัดกระทรวง เป็นประธาน

วันที่ 9 เมษายน เวลา 12.00 น. เวียนเทียนสมโภชน้ำอภิเษก ณ พระอารามหลวงประจำจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานฝ่ายฆราวาส

วันที่ 10 เมษายน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชิญคนโทน้ำอภิเษกจากแต่ละจังหวัดไปเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย

วันที่ 18 เมษายน เวลา 10.00 น. ขบวนแห่เชิญน้ำอภิเษกเริ่มเคลื่อนขบวนจากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร ผู้ที่อยู่ในขบวนแห่ประกอบด้วย ขบวนดุริยางค์กองทัพบก ขบวนธงชาติ รถแห่น้ำอภิเษก คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้เชิญคนโท ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการทุกจังหวัด รถตำรวจนำขบวนและปิดท้ายขบวน เวลา 17.19-21.30 น. ทำพิธีเสกน้ำอภิเษกรวม ณ วัดสุทัศนเทพวรารามฯ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

วันที่ 19 เมษายน เวลา 07.30 น. ริ้วขบวนแห่เชิญคนโทน้ำอภิเษก จำนวน 86 ใบ จากวัดสุทัศนเทพวรารามฯไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ริ้วขบวนแห่ประกอบด้วย ขบวนดุริยางค์กองทัพเรือ ขบวนธงชาติ ผู้เชิญพานดอกไม้ธูปเทียนแพ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ผู้เชิญพุ่มทอง-พุ่มเงิน พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด รถแห่น้ำอภิเษก คณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้เชิญคนโท ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจกระทรวงมหาดไทย ขบวนดุริยางค์กองทัพอากาศ

วันที่ 22-23 เมษายน พิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ จารึกดวงพระบรมราชสมภพ แกะพระราชลัญจกร และจารึกพระสุพรรณบัฏพระบรมวงศ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในวันที่ 6 เมษายน พิธีทำน้ำอภิเษก ในวันที่ 8 เมษายน ณ สถานที่ที่กำหนดในแต่ละจังหวัด และร่วมเฝ้าชมขบวนแห่น้ำอภิเษกในวันที่ 18 และ 19 เมษายน ตามเส้นทางที่กำหนด โดยมีข้อกำหนดว่าประชาชนจะต้องแต่งกายสุภาพสีเหลือง

 

พระราชพิธีเบื้องกลาง

วันที่ 2 พฤษภาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายราชสักการะ พระปฐมบรมราชานุสรณ์ (รัชกาลที่ 1) สะพานพระพุทธยอดฟ้า, พระบรมราชานุสรณ์ ร.5 พระลานพระราชวังดุสิต และทรงบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

วันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. ประกาศการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ พระราชลัญจกร จากวัดพระศรีรัตนศาสดารามไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมมหาราชวัง

วันที่ 4 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. ทรงสรงมุรธาภิเษก ณ ชาลาพระที่นั่งจักพรรดิพิมาน (จัก-กะ-พัด-พิ-มาน) และทรงรับน้ำอภิเษก ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ (อัด-ถะ-ทิด-อุ-ทุม-พร-ราด-ชะ-อาด) และทรงรับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสง ณ พระที่นั่งภัทรบิฐ (พัด-ทะ-ระ-บิด)
เวลา 14.00 น. เสด็จออกมหาสมาคมรับการถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เวลา 16.00 น. เสด็จขบวนราบใหญ่ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ปราสาทพระเทพบิดร และพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

วันที่ 5 พฤษภาคม เวลา 09.00 น. พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์ พระบรมวงศ์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เวลา 16.30 น. เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค โดยเสด็จจากพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษไชยศรี ไปตามถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนตะนาวไปยังวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร จากนั้นออกจากวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เลี้ยวขวาไปยังถนนพระสุเมรุ เลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนิน เลี้ยวซ้ายถนนอัษฎางค์ที่แยกคอกวัว ตรงไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ออกจากวัดราชบพิธฯเลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญกรุง ตรงไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ ออกจากวัดพระเชตุพนฯเลี้ยวขวาเข้าถนนมหาราช เลี้ยวเข้าไปยังพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง รวมระยะทางเสด็จ 6.77 กิโลเมตร ซึ่งเปิดให้ประชาชนเฝ้ารับเสด็จตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน

วันที่ 6 พฤษภาคม เวลา 16.30 น. เสด็จออกสีหบัญชร ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท (สุ-ทัย-สะ-หวัน-ยะ-ปรา-สาท) รับการถวายพระพรชัยมงคลจากพสกนิกรชาวไทย เวลา 17.30 น. เสด็จออกให้คณะทูตานุทูต และกงสุสต่างประเทศเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล

 

พระราชพิธีเบื้องปลาย

พระราชพิธีเบื้องปลายประกอบด้วย เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดในช่วงเสด็จพระราชดำเนินไปในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดอรุณราชวรารามฯ ในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2562