บีบหัวใจถึงจุดโทษ! อังกฤษ ดวลเป้าแม่น ดับ โคลอมเบีย 4-3 หลังเจ๊าในเวลา 1-1

Soccer Football - World Cup - Round of 16 - Colombia vs England - Spartak Stadium, Moscow, Russia - July 3, 2018 England players react during the penalty shootout REUTERS/Carl Recine

โคลัมเบีย พลาดท่านัดแรกพ่ายญี่ปุ่น 1-2 ก่อนจะมาถล่ม โปแลนด์ 3-0 และ ชนะเซเนกัล 1-0 แซงขึ้นเป็นแชมป์กลุ่ม มี 6 แต้มเข้ารอบ ขณะที่ สิงโตคำราม เฉือนชัย ตูนีเซีย 2-1 ก่อนถล่มปานามา 6-1 แต่ปิดท้ายพ่าย เบลเยียม 0-1 จบอันดับ 2 มี 6 แต้มเข้ารอบ

การโคจรมาพบกันในนัดนี้ เป็นการพบกันครั้งที่ 6 หลังจาก อังกฤษชนะ 3 เสมอ 2 นัดสุดท้าย อังกฤษชนะอุ่นเครื่อง 3-2 ในปี 2006 ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เคยพบกันมาครั้งเดียวในปี 1998 ที่ฝรั่งเศส อังกฤษชนะ 2-0 จาก ดาร์เรน แอนเดอร์ตัน และ เดวิด เบ๊กแฮม
สำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีมมีดังนี้

โคลัมเบีย (4-3-2-1) : 1.ดาบิด ออสปินา – 4.ซานติอาโก อาเรียส, 13.เยร์รี มินา, 23.ดาบินสัน ซานเชซ, 17.โยอัน โมฆิกา – 5.วิลมาร์ บาร์ริออส, 6.การ์ลอส ซานเชซ, 16.เจฟเฟอร์สัน เลร์มา – 11.ฆวน กวาดราโด, 20.ฆวน เฟร์นันโด กินเตโร – 9.ราดาเมล ฟัลเกา

อังกฤษ (3-5-2) : 1.จอร์แดน พิกฟอร์ด – 2.ไคล์ วอล์กเกอร์, 5.จอห์น สโตนส์, 6.แฮร์รี มาไกวร์ – 12. คีแรน ทริปเปียร์, 20.เดเล อัลลี, 8.จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, 7.เจสซี ลินการ์ด, 18.แอชลีย์ ยัง – 10.ราฮีม สเตอร์ลิง, 9.แฮร์รี เคน

Soccer Football – World Cup – Round of 16 – Colombia vs England – Spartak Stadium, Moscow, Russia – July 3, 2018

เริ่มเกม เพียงแค่สามนาที อังกฤษก็ได้ลูกฟรีคิก ริมมุมธงกราบซ้าย แต่ก็ยังไม่สามารถพังประตูโคลัมเบียได้ ผ่านไปสิบนาทีแรก อังกฤษดูจะครองบอลได้เหนือกว่าเป็นส่วนใหญ่

นาทีสิบหา จอห์น สโตนส์ เปิดบอลข้ามฟากไปทางกราบซ้ายให้ แฮร์รี่ เคน โขกมุมแคบใกล้เสาสอง ทว่าบอลไม่เป็นใจออกข้างไปนิดเดียว เวลาผ่านไปครึี่งชั่วโมงทั้งสองทีมมีโอกาสส่องประตูกันแค่คนละครั้ง

ถึงนาที 37 อังกฤษ ได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ ระหว่างตั้งกำแพงเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้น วิลมาร์ บาร์ริออส ของโคลัมเบียเจตนาใช้หัวโขก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ผู้เล่นอังกฤษจนร่วงลงไปกอง บาร์ริออส จึงโดนใบเหลืองเป็นการตอบแทน  คีแรน ทริปเปียร์ รับหน้าที่ปั่นฟรีคิก บอลโค้งเฉียดออกข้างเสาแรกไปเพียงนิดเดียว

Soccer Football – World Cup – Round of 16 – Colombia vs England – Spartak Stadium, Moscow, Russia – July 3, 2018 Colombia’s Wilmar Barrios is shown a yellow card by referee Mark Geiger REUTERS/Maxim Shemetov

ครึ่งแรกทดเวลาเจ็บออกไปสามนาที เจสซี ลินการ์ด ได้จังหวะหวดวอลเลย์ระยะเผาขน แต่บอลก็ลอยข้ามคานไปแบบไม่มีลุ้น ครบ 45 นาทีแรก สกอร์ไม่เปลี่ยนแปลง เสมอกันไปแบบจืดชืด 0-0 ประตู

เริ่มครึ่งหลังผ่านไปได้เพยง 8 นาที  การ์ลอส ซานเชซ ของโคลัมเบียตามประกบ แฮร์รี่ เคน ตลอด ถึงขนาดไล่กดล้มทับ กองหน้าอังกฤษคนดังจนล้มลงไปกองในเขตดทษ จึงโดนใบเหลืองไปอีกคน พร้อมทำให้โคลัมเบียเสียจุดโทษอีกด้วย จังหวะผู้เล่นสองทีมชุลมุน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ของอังกฤษ เจตนาหัวโขกจึงโดนใบเหลืองไปอีกคน

จากนั้น เคน รับหน้าที่สังหารจุดโทษ กลางประตูให้ อังกฤษ ขึ้นนำ 1-0 ในนาที 57 และเป็นประตูที่ 6 ให้กับศูนย์หน้าดาวยิงสิงโตคำรามในฟุตบอลโลกครั้งนี้อีกด้วย รวมทั้งเป็นประตูที่ 21 ในนามทีมชาติอีกด้วย

Soccer Football – World Cup – Round of 16 – Colombia vs England – Spartak Stadium, Moscow, Russia – July 3, 2018 Colombia’s Carlos Sanchez fouls England’s Harry Kane REUTERS/John Sibley

เกมเริ่มเดือดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้เล่นทั้งสองเก็บอารมณ์ไม่อยู่ จนมีการใช้อารมณ์เล่นนอกเกมกันมากขึ้น ราดาเมล ฟัลเกา  และ การ์ลอส บักกา สองนักเตะโคลัมเบีย โดนใบเหลืองไปอีกคนละใบในเวลาไล่เรี่ยกัน จังหวะถัดมา  เจสซี ลินการ์ด เจตนาทำฟาว์ลเตะใส่คู่แข่งดื้อๆก็โดนใบเหลืองให้ฝั่งอังกฤษไปอีกคน

ท้ายเกมล่วงเข้าช่วงทดเวลาเจ็บออกไปห้านาที โคลัมเบียยิงไกลบอลถูกปัดออก จนได้ลูกเตะมุม เยร์รี มินา โดนเทคตัวขึ้นโขกบอลตุงตาข่ายกลายเป็นลูกตีเสมอให้โคลัมเบีย 1-1 ประตู ในนาที 93 หมดเวลา ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีกครึ่งชั่วโมง

Soccer Football – World Cup – Round of 16 – Colombia vs England – Spartak Stadium, Moscow, Russia – July 3, 2018 Colombia’s Yerry Mina celebrates scoring their first goal with team mates REUTERS/John Sibley

ช่วงต่อเวลาพิเศษ ดูเหมือนโคลัมเบียจะได้ใจ มีโอกาสโยนบอลเข้าใส่ในกรอบอังกฤษ และมีจังหวะโขกหลายครั้งติดๆกัน แต่บอลออกหลังไปฉิวเฉียดหลายหน

ขณะที่ สิงโตคำราม แม้จะเปลี่ยน เจมี วาร์ดี ลงแทนราฮีม สเตอร์ลิง ช่วงท้ายเกม ก่อนครบ 90 นาที ก็ยังไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ เวลาผ่านไปจนเข้าช่วงต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง 15 นาทีสุดท้าย อังกฤษส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงสนามเติมเกมรุก โคลัมเบียส่ง คริสเตียน ซาปาตา ลงมาเติมเกมรับ ครบ 120 นาทีเต็ม ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ

โคลัมเบีย ได้ยิงก่อน ฟัลเกา ได้ยิงประเดิมนำก่อน 1-0 ตามด้วย แฮร์รี่ เคน ยิงเสียบมุมให้อังกฤษ ตีเสมอ 1-1 ฆวน กวาดราโด ซัดเต็มแรงให้ โคลัมเบีย นำอีกครั้ง 2-1 แรชฟอร์ด หวดมุมเดิมเป็น 2-2

หลุยส์ มูริเอล คนที่สามของโคลัมเบีย เล่นทางเบาๆ นำอีกเป็น 3-2  ทว่า เฮนเดอร์สัน ยิงติดมือ ออสปินา นายทวารโคลัมเบีย กดดันแฟนๆ สิงโตคำราม

แต่ มาเตอุส อูริเบ กลับยิงชนคาน ทำให้โคลัมเบียชวดหนีห่าง ถึงคิว 12 ทริปเปียร์ ปราการหลังยิงเต็มเหนี่ยวให้อังกฤษ ตีเสมอ 3-3

7 การ์ลอส บักกา คนสุดท้ายยิงให้โคลัมเบีย แต่ไม่ถูก พิกฟอร์ด นายทวารผู้ดีโดดปัดมือเดียวไว้ได้ คนสุดท้าย 4 เอริก ดายเออร์ คนสุดท้ายอังกฤษ ซัดตุงตาข่าย กลายเป็นผู้ชี้ชะตาให้ “สิงโตคำราม” อังกฤษ เอาชนะ โคลัมเบีย ด้วยการดวลจุดโทษ 4-3 หลังจากในเวลา 120 นาที เสมอ 1-1
ส่งผลให้อังกฤษ ลอยลำเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย พร้อมส่ง โคลัมเบีย กลับบ้านเป็นที่เรียบร้อย

 


ที่มา ข่าวสดออนไลน์​