“ตาหมากรุก” โครเอเชีย ต้องดวลจุดโทษเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน ก่อนจะเอาชนะ เจ้าภาพ “หมีขาว” รัสเซีย 4-3 หลังเสมอในเวลา 120 นาที 2-2 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ฟิตช์ สเตเดียม เมืองโซชิ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม
11 นักเตะตัวจริงรัสเซีย : ผู้รักษาประตู อิกอร์ อคินเฟเยฟ / กองหลัง มาริโอ แฟร์นันเดส, อีเลีย คูเตปอฟ, เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช, เฟดอร์ คูเดรียชอฟ / กองกลาง เดนิส เชรีเชฟ, อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, โรมัน ซอบนิน, อเล็กซานเดอร์ ซาเมดอฟ, ดาเลอร์ คูซาเยฟ / กองหน้า อาร์ตุม ซีบ้า
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
11 นักเตะตัวจริงโครเอเชีย : ผู้รักษาประตู ดาเนียล ซูบาซิช / กองหลัง โดมากอย วีด้า, ซีเม่ เวอร์ซาลโก้, อีวาน สตรินิช, เดยัน ลอฟเรน / อีวาน ราคิติช, ลูก้า โมดริช, อีวาน เปริซิช, อันเดร ครามาริช / กองหน้า มาริโอ มานด์ซูคิช, อันเต้ เรบิช
เริ่มเกมมาเป็นรัสเซียที่เปิดเกมบุกเข้าใส่ทันที และเกือบได้ประตูจากจังหวะหลุดขึ้นมาของโกโลวิน แต่ติดบล็อกแล้วมาโดนตัวเองออกไป
แต่โครเอเชียก็บุกสวนมาบ้าง ได้โอกาสในนาทีที่ 6 จากจังหวะที่เรบิช พลิกบอลในกรอบเขตโทษก่อนยิงยัดเสาแรก ติดเซฟของอคินเฟเยฟ เป็นเตะมุมโมดริชเปิดเข้ามาให้ลอฟเรนชงให้ เรบิช ได้โหม่งแต่ข้ามคานออกไป
ทว่านาทีที่ 31 เป็นเจ้าภาพที่ได้ประตูออกนำไปก่อน จากจังหวะที่เชรีเชฟทำชิ่งกับซูบ้า ก่อนปั่นด้วยซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษเสียบมุมเข้าประตูไปอย่างสวยงามให้รัสเซียขึ้นนำ 1-0
อย่างไรก็ตามโครเอเชียใช้เวลาเพียงแค่ 8 นาที ก็ตามตีเสมอได้สำเร็จ จากจังหวะที่มานด์ซูคิชหลุดไปทางซ้ายก่อนจะตบกลับเข้ากลางให้ครามาริชสอดเข้ามาโหม่งให้โครเอเชียตีเสมอเป็น 1-1
ครึ่งหลังทั้งสองฝ่ายพยายามหาจังหวะเปิดเกมรุกแลกกันอย่างสนุก แล้วโครเอเชียน่าจะได้ประตูขึ้นนำอย่างที่สุดในนาทีที่ 60 จากจังหวะที่เปริซิชเก็บตกบอลในเขตโทษได้ แล้วได้ยิงบอลผ่านมืออคินเฟเยฟแล้ว แต่บอลไปชนเสามุมนอกหลุดออกจากประตูอย่างน่าเสียดาย
จากนั้นนาทีที่ 76 เป็นโอกาสของโครเอเชียอีกครั้ง จากจังหวะที่โมดริช ได้ยิงในเขตโทษ บอลแฉลบมาเข้าทางเวอร์ซาลโก้ วอลเลย์ด้วยขวาติดบล็อกผู้เล่นรัสเซียออกไป
ช่วงท้ายเกมโครเอเชียเกิดปัญหาขึ้น เมื่อซูบาซิช เกิดอาการบาดเจ็บที่ต้นขา หลังจากที่โครเอเชียเปลี่ยนตัวครบ 3 คนแล้ว ทำให้ซูบาซิชนั้นต้องกัดฟันเล่นต่อในช่วงเวลาที่เหลือก่อน
ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือโครเอเชียพยายามบุกหนัก แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังยันจนจบเวลา 90 นาทีได้ เสมอกันอยู่ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไป
ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 101 จากจังหวะเตะมุมของโครเอเชียเปิดเข้ามาให้วีด้าได้โหม่งเข้าประตูไปให้โครเอเชียออกนำ 2-1
นาทีที่ 112 รัสเซียได้เตะมุม บอลมาเข้าทางคูซาเยฟ ยิงเต็มข้อ แต่ไปตรงตัวซูบาซิชตะครุบเอาไว้ได้
แล้วรัสเซียก็สามารถตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะฟรีคิกในนาทีที่ 115 อลัน ซาโกเยฟ ตัวสำรองเปิดให้มาริโอ แฟร์นันเดส โหม่งเข้าไป ให้รัสเซียตีเสมอเป็น 2-2
ช่วงเวลาที่เหลือไม่สามารถทำอะไรกันเพิ่มได้ ทำให้จบเกมนี้ต้องตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ
ในการดวลจุดโทษ ปรากฎว่าทางฝั่งรัสเซียนั้น สโมลอฟ กับ แฟร์นันเดส พลาด ส่วนโครเอเชียโควาซิช พลาดเพียงคนเดียว ทำให้โครเอเชีย เอาชนะการดวลจุดโทษ 4-3 ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย ไปพบกับทีมชาติอังกฤษ ในวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ลุซนิกิ สเตเดียม กรุงมอสโก ต่อไป