บันทึกความปีติของประชาชนที่ได้เฝ้าฯรับเสด็จและชมความงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค  

พฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม 2562 วันมหามงคลปวงชนชาวไทยมีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค และได้ชื่นชมความสวยงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ

ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” ลงพื้นที่บริเวณสวนสันติชัยปราการ เนื่องจากเป็นจุดที่อยู่ไม่ไกลจากจุดเริ่มต้นของขบวน และเป็นจุดที่มีอัฒจันทร์และพื้นที่รองรับประชาชนได้เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่เสด็จฯมาเฝ้าฯรับเสด็จและชมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค

ผู้สื่อข่าวได้สำรวจบรรยากาศบริเวณนี้พร้อมพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ถึงความรู้สึกที่มีต่อการเฝ้าฯรับเสด็จ และการได้ชมความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้

ประชาชนรอผ่านจุดคัดกรองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย และเข้ามานั่งจับจองพื้นที่เฝ้ารับเสด็จฯกันอย่างหนาตาตั้งแต่เวลาเที่ยงกว่า ๆ บรรยากาศภายในพื้นที่เต็มไปด้วยความคึกคัก ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการแจกร่มสีเหลืองให้แก่ประชาชน ถึงแม้ว่าแดดจะร้อน แต่ประชาชนจำนวนมากก็พร้อมใจกันรอชื่นชมพระบารมี โดยกางร่มสีเหลืองสดใสสู้แดด

นายชูชาติ เพชรผ่อง อายุ 56 ปี คนในพื้นที่ที่มารอรับเฝ้าฯรับเสด็จตั้งแต่เวลาประมาณ 13.00 น. แสดงความรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเป็นครั้งแรกในชีวิต

“ผมมีความปีติที่จะได้ชื่นชมพระบารมีของทุกพระองค์ ก่อนหน้านี้ ที่พระองค์ทรงปั่นจักรยาน ผมก็ไปเฝ้าฯรับเสด็จ เราเห็นพระองค์ท่านมาอย่างยาวนาน เราก็ดีใจที่วันนี้มีโอกาสได้มา” เขากล่าวเสริม

เวลา 13:45 น. เริ่มเห็นการลำเลียงเรือในขบวนไปยังจุดเริ่มต้นเพื่อเตรียมความพร้อมในพิธี

นางบังอร หีบแก้ว อายุ 50 ปี จิตอาสาของพระราชาแสดงความรู้สึกปลื้มปริ่มเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสมีส่วนร่วมกับงานในครั้งนี้

“ครั้งก่อนรู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้มารอเฝ้าฯรับเสด็จที่เยาวราช ครั้งนี้ก็เลยไม่พลาด เพราะปกติก็ไม่เคยพลาดกับงานของราชวงศ์อยู่แล้ว มันเกินคำว่าอิ่มเอมไปอีก ทุกครั้งที่ได้เห็นพระองค์ท่าน ยอมรับว่าคืนก่อนหน้านี้เรานอนไม่หลับเลย ตื่นเต้นดีใจมากที่จะได้มาร่วมในพิธี ใจจดใจจ่อมาก”

เธอยังเล่าว่าเธอจะหาโอกาสมีส่วนร่วมในทุกงานพระราชพิธีเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งการเป็นจิตอาสา หรือการไปในฐานะพสกนิกร เธอถึงกับสะสมของที่เกี่ยวกับพระองค์ท่านไว้อย่างเป็นระเบียบ

เวลา 14:45 น. กองระบบคลอง สำนักระบายน้ำ ไล่สำรวจและเก็บกวาดเส้นทางเสด็จฯเป็นครั้งสุดท้าย

เวลา 16.00 น. เพลงสรรเสริญพระบารมีเริ่มบรรเลง ทุกคน ณ บริเวณร่วมใจกันยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

เวลา 16.20 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติเสด็จประทับเรือสุพรรณหงส์อย่างสง่างาม จากนั้นสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จประทับเรือพระที่นั่งเอนกชาติภุชงค์ เพลงสรรเสริญพระบารมีบรรเลงอีกครั้ง

เวลา 16.25 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่ทรงรอรับเสด็จ ณ บริเวณสวนสันติชัยปราการทรงหยิบกล้องขึ้นมาเพื่อทรงฉายขบวนเรือ สร้างความฮือฮาแก่มวลพสกนิกรในบริเวณนั้น

เวลา 16.40 น. เรือสุพรรณหงส์เคลื่อนผ่านบริเวณสวนสันติชัยปราการ ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมใจกันโบกสะบัดธงชาติไทยและธงพระปรมาภิไธยกันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญอย่างกึกก้อง แม้กระทั่งชาวต่างชาติบางคนยังเปล่งเสียงตามแม้จะไม่รู้ความหมาย

หลังจากขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเคลื่อนผ่าน ประชาชนในบริเวณบางส่วนทยอยออกจากพื้นที่ บางส่วนยังคงยืนอยู่ที่บริเวณหน้าจอเพื่อรับชมการถ่ายทอดสดต่อไป

นางแจ่มแข ภักดีคำ อายุ 54 เดินทางมาจากจังหวัดชลบุรี เฝ้ารับเสด็จและชมขบวนด้วยใบหน้าที่ปลื้มปริ่ม จนกระทั่งขบวนผ่านหน้าไปหมดแล้ว พนักงานการไฟฟ้าที่ลางานมาจากจังหวัดชลบุรีคนนี้ก็ยังคงนั่งชมถ่ายทอดสดจากจอโปรเจคเตอร์ที่จัดแสดงไว้ให้จนกระทั่งทั้งสี่พระองค์เสด็จขึ้นจากเรือ

“มันเป็นความรู้สึกที่เอ่อล้น ไม่รู้จะพูดยังไง” เธอกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งหยิบรูปที่เคยถวายเงินจำนวน 99 บาทให้แก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เมื่อราวปี พ.ศ. 2534 ที่เธอพกเอาไว้ตลอดเวลาให้ดู


“คิดว่าสถาบันพระมหากษัตริคือศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ ทำให้คนมีความเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน จำได้ตอนงานพระบรมศพของรัชกาลที่ 9 มีร้านข้าวต้มอยู่ร้านหนึ่ง ปกติจะเป็นร้านที่ไม่ค่อยพูดคุยกับลูกค้าเท่าไร แต่ในวันงาน ร้านเดียวกันนี้กลับนำข้าวต้มออกมาแจกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย วันนี้ก็เช่นกัน ที่เราได้เห็นผู้คนออกมาพร้อมหน้าพร้อมตา เอื้อเฟื้อแก่กัน” เธอเล่าความรู้สึกและประสบการณ์ แล้วเดินทางกลับจังหวัดชลบุรีอย่างมีความสุข