“ราคาบ้าน” สิงคโปร์สะวิงขึ้นแรง เสี่ยงกระทบ “ต้นทุนธุรกิจข้ามชาติ”

“สิงคโปร์” ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ราคา “อสังหาริมทรัพย์” พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง โดยเฉพาะช่วงปี 2012-2013 อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นราคาที่พักอาศัยในสิงคโปร์ก็ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2014 โดยราคาดิ่งลงต่อเนื่องติดกันถึง 15 ไตรมาส ก่อนที่จะสะวิงขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี 2017 ที่ผ่านมา

โดยที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า ราคาบ้านในสิงคโปร์จะฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ ด้วยปัจจัยความเชื่อมั่นและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอาจส่งสัญญาณว่าราคาจะดีดขึ้นสูงมากจนเกินจริง

“คุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์” หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล ระบุว่า ยอดขายที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ในสิงคโปร์กำลังฟื้นตัวอีกครั้ง หลังตลาดซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ฝืดเคืองมาหลายปี ทั้งอาคารสำนักงานให้เช่าหลายแห่งที่ถูกทิ้งร้าง เนื่องจากซัพพลายล้นตลาด ส่วนราคาบ้านหรือที่อยู่อาศัยต่าง ๆ ก็ลดลงเฉลี่ยปีละ 3% ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ นายเดสมอนด์ ซิม หัวหน้าศูนย์วิจัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของซีบีอาร์อี (CBRE) ก็เคยระบุว่า

“การแข่งขันในเชิงคุณภาพเป็นสิ่งที่สิงคโปร์พยายามและทำได้ดีมาโดยตลอด แต่การเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้ง อาจก่อให้เกิดช่องว่างระหว่างการพัฒนาในเชิงธุรกิจ โดยอสังหาฯ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตามที่เสียเปรียบในการแข่งขันมากที่สุด มักเป็นกลุ่มที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตรงตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงเสี่ยงเป็นหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มต้นทุนในทางธุรกิจนั้น ๆ ด้วย”

ทั้งนี้ มาตรการผ่อนปรนของรัฐบาลเพื่อบรรเทาปัญหาที่ร้อนระอุของตลาดอสังหาฯ ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่กลางมีนาคมปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การผ่อนคลายมาตรการควบคุมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงปรับลดราคาที่ดินที่รัฐบาลนำออกมาประมูล ทำให้มีนักพัฒนาเข้าร่วมประมูลซื้อที่ดินรัฐมากขึ้น

“คริสโตเฟอร์ ตัง” ประธานบริหาร บริษัท เฟรเซอร์สเซ็นเตอร์พ้อยท์ บริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่ กล่าวว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์เคยลงถึงจุดต่ำสุดแล้ว และตอนนี้กำลังกลับมาเป็นช่วงขาขึ้น ไม่มีเหตุผลใดที่บริษัทจะไม่เข้าชิงโอกาสเพื่อสะสมแต้มต่อสำหรับการพัฒนาอสังหาฯ เช่นเดียวกับบริษัทนักพัฒนาอื่น ๆ

ล่าสุด บลูมเบิร์กรายงานว่า “เครดิต สวิส” ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์ว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่ความไม่สมดุลอาจลุกลามกลายเป็นวิกฤตด้านราคาอสังหาฯที่แพงเกินจริง โดยมีความเป็นไปได้ที่ปีนี้ราคาบ้านจะพุ่งสูงสุดถึง 10%

ขณะเดียวกันข้อมูลของ “มอร์แกน สแตนลีย์” ที่ประเมินไปในทิศทางเดียวกันว่าราคาที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์จะเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 8%

นักวิเคราะห์จาก เครดิต สวิส คาดว่าปีนี้ยอดขายที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์จะเติบโตถึง 40% หรืออยู่ที่ประมาณ 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยยอดขายส่งสัญญาณกระเตื้องตั้งแต่ไตรมาส 3-4 ปีที่ผ่านมาแล้ว

ขณะที่ “มอร์แกน สแตนลีย์” ประเมินว่า สถานการณ์ราคาที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์ที่สูงขึ้นมีแนวโน้มว่าจะลากยาวไปถึงปี 2019 หากรัฐบาลยังคงมาตรการผ่อนปรนเช่นนี้ รวมถึงปัจจัยบวกจากภาวะการเติบโตทางเศรษฐกิจขอสิงคโปร์ที่เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะภาคการผลิตและการส่งออก

นักวิเคราะห์คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของสิงคโปร์จะเติบโต 2.8% ในปีนี้ ขณะที่กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์คาดว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัว 3.1% ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้ราคาบ้านยังคงปรับเพิ่มอย่างโดดเด่น

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก OCBC ระบุว่า แม้ความเชื่อมั่นของนักพัฒนาอสังหาฯและนักเก็งกำไรจะเริ่มกลับมา เอื้อต่อตลาดอสังหาฯที่ซบเซามานาน

แต่มุมมองของนักธุรกิจต่างชาติในสิงคโปร์บางรายก็กังวลว่า ความร้อนแรงของราคาอสังหาฯอาจพุ่งแรงเกินไป จนกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการจูงใจนักธุรกิจข้ามชาติได้ เพราะหมายถึงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และมีความเป็นไปได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการประกอบธุรกิจในสิงคโปร์ก็จะยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ อันเป็นผลทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านการลงทุนในสิงคโปร์ลดน้อยลง