แม้ว่ากระแสการท่องเที่ยว “เชิงนิเวศ” ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยจะเห็นว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มที่จะเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม
การสร้างสมดุลระหว่างธรรมชาติกับนักท่องเที่ยว รวมถึงการยกระดับผู้ประกอบการรายย่อย และกระจายรายได้สู่ชุมชนยังคงเป็นความท้าทายในปัจจุบันและล่าสุด 23 ประเทศในเอเชียได้มีความร่วมมือจัดตั้งสมาคมการค้าการท่องเที่ยวเครือข่ายเชิงนิเวศเอเชีย (Association of Asia Ecotourism Network : AEN) พร้อมเปิดตัวสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย นายมาซารุ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ทาคายามะ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง AEN ระบุว่า 23 ประเทศสมาชิก ที่มีความเห็นร่วมกันว่า ถึงเวลาที่เอเชียต้องร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ใช่มุ่งแค่การโหมโปรโมตสร้างตัวเลขนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นเท่านั้น พร้อมตั้งเป้าจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่ง “ศูนย์กลาง” แห่งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของโลก เนื่องจากมองว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูง
มีจุดแข็งในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมานาน อีกทั้งยังมีนโยบายในการปรับตัวเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนได้ดี
“ภูมิภาคเอเชียให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แต่เรื่องมาตรฐานการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ หรือ กรีนสแตนดาร์ด ยังกระจุกอยู่เพียงบางประเทศ หรือบางเมืองที่มีศักยภาพเท่านั้น จึงไม่ก่อให้เกิดรายได้สู่ภาคชุมชนหรือคนในท้องถิ่นอย่างเท่าเทียม” นายมาซารุกล่าว
นายแรนดี้ เดอแบนด์ ซีอีโอ สภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) สะท้อนว่า ความท้าทายที่ประเทศในเอเชียกำลังเผชิญ ก็คือ การที่ทุกประเทศต่างโฟกัสไปที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ โดยละเลยเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย ซึ่งไม่ใช่การส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนที่ดี
“หลายประเทศในเอเชียยังไม่สามารถสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อมกับนักท่องเที่ยวได้ เห็นได้จากการโปรโมตแต่สถานที่ท่องเที่ยวในบางเมืองเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีระบบการจัดการที่ดีกับ
ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เอาเปรียบรายเล็ก หรือคนในชุมชน ซึ่งเป็นปัจจัยแรก ๆ ที่ทำให้ชุมชนไม่ยินดีที่จะให้นักท่องเที่ยวเข้ามา ท้ายที่สุดกลุ่มนักท่องเที่ยวนั้น ๆ ก็ไม่เกิดความประทับใจและอยากกลับมาอีก”
การลงทุนดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างความเข้าใจให้กับคนในชุมชนเพื่อให้มีส่วนร่วมในการท่องเที่ยวเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าที่คิด แต่หลายประเทศไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญนี้
การสร้าง “กรีนสแตนดาร์ด” ให้กับสมาชิกทั้ง 23 ประเทศ อันนำไปสู่ “เอเชียนสแตนดาร์ด” โดยมุ่ง 5 เป้าหมายหลัก ได้แก่
1) กรีนโฮเทล หรือที่อยู่อาศัยอื่น ๆ 2) กรีนเรสเตอรองต์ 3) กรีนคอมมิวนิตี้ 4) กรีนไกด์ และ 5) กรีนแทรเวลเอเยนซี่โดยนำต้นแบบมาจากหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย ซึ่งเป็นสมาชิกของ AEN ด้วย
ขณะที่ตัวแทนจากประเทศไทย ได้แก่ ดร.ชูวิทย์ มิตรชอบ รองผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) และ นายธเนศวร์ เพ็ชรสุวรรณ รองผู้ว่าการฝ่ายสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ยืนยันว่าประเทศไทยพยายามเสริมสร้างคุณภาพชีวิต ความสุข และกระจายรายได้สู่ชุมชน การท่องเที่ยวไทยไม่ได้วัดความสำเร็จจากจำนวนนักท่องเที่ยว แต่เน้นที่คุณค่าการส่งมอบให้แก่ท้องถิ่นมากกว่า รวมถึงสร้างสมดุลระหว่างแหล่งท่องเที่ยวด้วย
นายมาซารุเสริมว่า นอกจากการสร้างความเข้าใจและปรับสมดุลให้กับแต่ละประเทศสมาชิกให้เป็นสแตนดาร์ดเดียวกัน อีกหนึ่งเป้าหมายก็คือ การผลักดันให้เกิดความร่วมมือในภูมิภาค อย่างที่สิงคโปร์ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ ส่งสัญญาณชูธงพัฒนาท่องเที่ยวทางเรือร่วมกันเพื่อยกระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นแคริบเบียนแห่งตะวันออกทั้งหนุนให้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวด้านนี้ เช่น ท่าเรือและอาคารผู้โดยสาร
นอกจากนี้ประธาน AEN ย้ำว่า หากการเจรจาเรื่อง “ซิงเกิลวีซ่า” ที่ชะงักมานานสามารถบรรลุผล จะช่วยสร้างมูลค่าและดึงดูดภาคการท่องเที่ยวในอาเซียนอย่างมหาศาล ดังนั้นสมาคมจะพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อกระตุ้นการเจรจาอีกครั้ง โดยจะผลักดันการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นตัวชูโรง