กระแสต่อต้าน “นักลงทุนจีน” สะเทือนแผนปั้นเขตเศรษฐกิจเวียดนาม

ขอบคุณภาพจาก : www.scmp.com
การชุมนุมประท้วงในเมืองต่าง ๆ ของ “เวียดนาม” ช่วง 2 สัปดาห์ก่อน นับเป็นปรากฏการณ์น่าประหลาดใจกับชาติคอมมิวนิสต์ ซึ่งแทบไม่มีเหตุการประท้วงให้เห็นบ่อย ๆ นักวิเคราะห์มองว่าผลกระทบที่จะตามมาอาจรุนแรงเกินคาด โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ในฐานะประเทศดาวเด่นด้านการลงทุนในอาเซียน

รอยเตอร์สรายงานว่า เหตุประท้วงไม่พอใจรัฐบาลชุดใหม่ของ “เหวียน ซวน ฟุก” นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เกิดขึ้นจากรัฐบาลประกาศเตรียมร่างกฎหมายปรับกฎระเบียบ เพื่อดึงดูดการลงทุนของต่างชาติในเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ 3 แห่ง (ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้) โดยร่างกฎหมายใหม่ รัฐบาลจะอนุญาตให้ผู้ลงทุนต่างชาติ

เช่าที่ดินได้นาน 99 ปี (เดิม 70 ปี ไม่มีการต่อสัญญา) นักวิเคราะห์มองว่าเป็นกระแสความกังวลและต่อต้านนักลงทุนจีนในเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ หลังเหตุการณ์ประท้วงทำให้รัฐบาลชะลอการพิจารณากฎหมายดังกล่าวออกไป

ในขณะที่สภานิติบัญญัติของเวียดนาม รับรองร่างกฎหมาย “ความมั่นคงทางไซเบอร์” ที่มีการเพิ่มระดับความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ตเข้มข้นขึ้น การลงมติดังกล่าวเกิดขึ้นเพียง 2 วัน หลังที่มีผู้ชุมนุมประท้วงในเมืองต่าง ๆ ทำให้หลายฝ่ายมองว่าเป็นความพยายามตัดช่องทางสื่อสารของกลุ่มที่เคลื่อนไหวคัดค้านกฎหมายที่ดินฉบับล่าสุด

ขณะที่เอกชนจากกลุ่มอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ต “เจฟฟ์ เพนน์” กรรมการผู้จัดการ ของ Asia Internet Coalition มองว่า กฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ถือเป็นความถดถอยทางสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กมากเป็นอันดับที่ 7 ของโลก และมีแนวโน้มว่าจะขึ้นเป็น top 5 ในปี 2020 ด้วย

นายเพนน์มองว่า ในระยะยาวกฎหมายฉบับนี้จะกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในเวียดนาม รัฐบาลกำหนดให้บริษัทเทคโนโลยีต่างชาติ

ที่ให้บริการในเวียดนามต้องย้ายเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานชาวเวียดนามไว้ในประเทศ รวมทั้งกำหนดให้ต้องเปิดสำนักงานในเวียดนาม

เป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับบริษัทต่างชาติโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะทำให้บรรยากาศในการลงทุนของเวียดนามเปลี่ยนไปในทางลบและมีโอกาสที่บริษัทเหล่านี้ไม่เข้ามาลงทุนในเวียดนาม รวมถึงลดโอกาสการทำธุรกิจของผู้ประกอบการท้องถิ่น

ขณะที่ ซินหัว รายงานว่า “จีน” ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ซึ่งให้ความสนใจลงทุนในเขตเศรษฐกิจใหม่นี้ กำลังกังวลกับกระแสการต่อต้านนักลงทุนจีนในเวียดนาม ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2014 ชาวเวียดนามหลายพันคนก่อเหตุความรุนแรงต่อต้านจีน และจุดไฟเผาโรงงานของนักลงทุนจีนและฮ่องกง อย่างน้อย 15 แห่งใน 22 จังหวัด จากทั้งหมด 63 จังหวัดทั่วประเทศ

รายงานข่าวระบุว่าหนึ่งในนักลงทุนด้านธุรกิจท่องเที่ยวชาวจีนระบุว่า “ได้ชะลอแผนการลงทุนในเขตเศรษฐกิจทางภาคเหนือของเวียดนาม ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมมากในกลุ่มนักท่องเที่ยว เพราะกระแสการต่อต้านชาวจีนรุนแรงขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นความเสี่ยงที่นักลงทุนจีนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ”

“ซาง เหวียน” บรรณาธิการบีบีซีในเวียดนาม ระบุว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและเวียดนามเคยถึงจุดต่ำสุดมาแล้ว จากเหตุการต่อต้านนักลงทุนจีนที่มีมากเกินไป ขณะที่เวียดนาม

ถือเป็นประเทศที่ยังต้องพึ่งพาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูง ดังนั้นรัฐบาลชุดใหม่อาจต้องพิจารณามาตรการต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนขึ้นในการเพิ่มแรงจูงใจนักลงทุนต่างชาติ ที่ต้องคู่ขนานไปกับดูแลธุรกิจท้องถิ่นและภาคประชาชนด้วย” ซาง เหวียน กล่าว