‘สปป.ลาว’ ชี้ความซ้ำซ้อนของภาครัฐทำการท่องเที่ยวมีปัญหา สาเหตุนักท่องเที่ยวลด!

เว็บไซต์ วีโอเอ ภาษาลาว รายงานว่า นายบ่อแสงคำ วงดาลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยวแห่งสปป.ลาว ยอมรับว่า ในปัจจุบันค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังสูงที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านของสปป.ลาว ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ มาโดยตลอด แต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้

โดยนายบ่อแสงคำ ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในสปป.ลาวลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยคาดว่าน่าจะมาจาก 2 สาเหตุด้วยกัน ได้แก่ 1) การบริการด้านการท่องเที่ยวของภาครัฐมีความซ้ำซ้อน และ 2) ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาทำให้ไม่ประทับใจ และไม่ต้องการเข้ามาท่องเที่ยวใหม่อีกครั้ง

“การให้บริการ เช่น การเก็บค่าธรรมเนียมในสถานที่ต่างๆ มีความยุ่งยากซ้ำซ้อน อีกทั้งยังมีการเก็บค่าบริการและธรรมเนียมอื่นๆ ในหลายขั้นตอน จึงทำให้เกิดความไม่สะดวกสบายต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้ ค่าครองชีพในสปป.ลาวนั้นสูงกว่าหลายๆ ประเทศในอาเซียนด้วย” รมว.แถลงข่าวฯ กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2017 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในสปป.ลาวเป็นจำนวน 3.86 ล้านคน ลดลง 8.73% เมื่อเทียบกับปี 2016 ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 4.23 ล้านคน โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศสมาชิกอาเซียน เป็นจำนวนที่ลดลงมากที่สุดในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด

โดยรัฐมนตรีฯ เสนอแนะว่า นอกจากที่รัฐบาลสปป.ลาวต้องปรับปรุงมาตรฐานของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้อยู่ในระดับสากลมากขึ้น ยังจำเป็นต้องพิจารณากฎหมายที่คุ้มครองและควบคุมด้านธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เนื่องจากมาตรฐานราคาต่างๆ นั้นไม่เท่ากัน บางสถานที่ที่เป็นจุดมุ่งหมายยอดฮิตของกลุ่มนักท่องเที่ยวนั้นมีราคาที่สูงเกินจริง

อย่างไรก็ตาม ศูนย์การวิจัยด้านการท่องเที่ยวของอาเซียน ระบุว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในสปป.ลาว สร้างรายได้ให้กับภาคบริการต่างๆ ต่ำที่สุดในอาเซียน โดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับประเทศไทย ที่ในปี 2017 รายได้ที่มาจากภาคการท่องเที่ยวสูงถึง 92,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 12% ของ GDP ขณะที่สปป.ลาว มีรายได้จากภาคท่องเที่ยวเพียง 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 7% ของ GDP ของประเทศ