เดอะ สเตรทส์ไทม์สรายงานว่า เวียดนามต้องเสาะหาวิธีที่จะป้องกันตนเองจากสงครามการค้าจากการที่มีจีนและสหรัฐอเมริกาเป็นจุดหมายในการส่งออกสินค้ามากที่สุด โดยความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก 2 แห่งอาจยกระดับขึ้นอีก
นักวิเคราะห์เรียกร้องให้มีมาตรการต่างๆ ตั้งแต่การลดค่าเงินด่องไปจนถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้า เพื่อรับมือสินค้าจีนที่คาดว่าจะหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ศูนย์เพื่อการประเมินและข้อมูลเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ ภายใต้กระทรวงวางแผนและการลงทุนได้ส่งรายงานให้กระทรวงในเรื่องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสงครามการค้าและวิธีการที่ทางการควรจะเตรียมพร้อมในการปกป้องเศรษฐกิจ โดยนายเลือง วัน เคย รองผู้อำนวยการศูนย์ระบุว่า “หากสหรัฐและจีนยกระดับความตึงเครียดด้วยการตอบโต้กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน จะเป็นการลดการส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศของเราและสร้างความเสียหายให้ผลผลิตในประเทศ”
การพึ่งพาการส่งออกและการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติพื่อสร้างการเติบโตทำให้เวียดนามเปราะบางต่อการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและคู่ค้าอย่างจีนหรือสหภาพยุโรป (อียู)
สถาบันเพื่อการวิจัยนโยบายและเศรษฐกิจเวียดนามระบุไว้ในเดือนนี้ว่า ธนาคารกลางเวียดนามควรพิจารณาที่จะลดค่าเงินด่องต่อดอลลาร์สหรัฐเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเวียดนาม
ที่มา : มติชนออนไลน์