“มหาธีร์” ทำฝันจีน “แหว่ง” ยกเลิก Silk Road ในมาเลเซีย

“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” หรือโครงการเส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21 ของจีนที่ได้ชื่อว่าเป็นโปรเจ็กต์สุดทะเยอทะยานที่สุดของจีนระดับโลก อาจต้อง “แหว่ง” หรือสะดุดลง เมื่อ มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศแล้วว่าจะ “ยกเลิก” 2 โครงการใหญ่ในมาเลเซียที่เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม

โครงการดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เริ่มขึ้นในยุครัฐบาลที่แล้วของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัก ประกอบด้วยโครงข่ายทางรถไฟที่เชื่อมต่อชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซีย และโครงการวางท่อก๊าซ ซึ่งล้วนกู้ยืมเงินจากจีนและบริษัทจีนเป็นผู้ได้งานรับเหมา

หลังชนะเลือกตั้ง มหาธีร์ได้กล่าวว่าจะระงับโครงการไว้ก่อน และจะเจรจาเงื่อนไขกับจีนใหม่ แต่หลังจากไปเยือนจีนเมื่อ 17-21 สิงหาคมที่ผ่านมา มหาธีร์ให้สัมภาษณ์ว่าจะยกเลิก 2 โครงการนี้ เนื่องจากไม่ต้องการเพิ่มภาระหนี้ให้กับประเทศ ที่ขณะนี้มีหนี้อยู่ 2.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเงินกู้จากบริษัทจีน

อีกทั้งเห็นว่าโครงการดังกล่าวไม่มีความจำเป็น และไม่คุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจมีเพียงคุณค่าทางยุทธศาสตร์ที่เป็นประโยชน์ต่อจีน โดยมาเลเซียไม่ต้องการ “ลัทธิอาณานิคมเวอร์ชั่นใหม่” ที่ประเทศยากจนไม่สามารถแข่งขันกับประเทศรวย

ความหมายของ “ลัทธิอาณานิคมเวอร์ชั่นใหม่” ตามที่มหาธีร์กล่าวเอาไว้

โดยสื่อมาเลเซีย อย่าง นิว สเตรต ไทมส์ (เอ็นเอสที) ระบุไว้ว่า แท้จริงแล้ววิธีการของจีนที่ชักชวนให้ประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมโครงการ ด้วยการให้กู้ยืมเงินนั้นเป็นการวางกับดักหนี้หลอกล่อให้ประเทศที่อ่อนแอกู้ยืมแล้วก็ไม่สามารถจ่ายคืนได้ จากนั้นจีนที่จะยึดเอาบางอย่างไปเพื่อใช้หนี้ จบลงด้วยการที่จีนสามารถแผ่อิทธิพลในประเทศกำลังพัฒนาแทนที่สหรัฐ

ขณะที่โครงการก็ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับท้องถิ่นมากนัก เพราะจีนมักนำแรงงานมาเอง บริษัทที่ได้งานก่อสร้างก็เป็นของจีน การประมูลที่ใช้วิธีปิดทำให้ค่าก่อสร้างสูงกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งกรณีนี้เกิดขึ้นแล้ว กับทั้งศรีลังกา จิบูตี เมียนมา มอนเตเนโกร

กรณีของมาเลเซีย ซึ่งบริษัทจีนเป็นผู้ได้งานก่อสร้างไปนั้น มหาธีร์พบว่ามีการโก่งราคาเกินจริงไปหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งหากให้บริษัทมาเลเซียสร้างเอง ก็จะใช้เงินไม่ถึงครึ่งหนึ่ง และเรื่องราวยังซับซ้อนกว่านั้น เพราะไปโยงใยกับการทุจริตโครงการกองทุนพัฒนาแห่งมาเลเซีย ที่นายนาจิบ ราซัก กำลังถูกดำเนินคดี โดยพบว่าเงินส่วนต่างค่าก่อสร้างหลายพันล้านดอลลาร์ถูกนำไปใช้ปลดเปลื้องหนี้ให้กับกองทุนที่ขาดทุน ทำให้น่าเชื่อว่าจีนพอใจที่จะช่วยให้นายนาจิบได้อยู่ในตำแหน่งต่อไป เพื่อจะได้รับความร่วมมือในการลงทุนโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง กระทั่งมีการเลือกตั้งพ.ค.ที่ผ่านมา ชาวมาเลเซียที่ไม่พอใจนายนาจิบได้พากันโค่นล้ม

ลิม กวน อึ้ง รัฐมนตรีคลังมาเลเซีย ระบุว่า มาเลเซียไม่อยากเป็นอย่างศรีลังกา ที่ก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกแล้วปรากฏว่าไม่สามารถดึงดูดธุรกิจเข้ามาได้ทำให้ศรีลังกามีหนี้ท่วม สุดท้ายจำต้องยอมให้จีนเช่าท่าเรือและที่ดินใกล้เคียงเป็นเวลา 99 ปี ทำให้จีนสามารถคว้าทำเลที่อยู่ใกล้บริเวณที่มีการขนส่งทางเรือหนาแน่นที่สุดไป

“เราไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับศรีลังกา ที่ไม่สามารถชำระหนี้ให้กับจีนแล้วก็ต้องถูกเทกโอเวอร์โครงการไป”

นายเอ็ดมุนด์ เตเรนซ์ โกเมซ นักเศรษฐศาสตร์การเมือง มหาวิทยาลัยมลายา ในกัวลาลัมเปอร์ ให้ความเห็นว่า มหาธีร์คิดว่าจีนเป็นมหาอำนาจที่สามารถครอบงำเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ อย่างมาเลเซีย ซึ่งเขากังวลเรื่องนี้มาตลอด เมื่อก่อนก็เป็นสหรัฐ ตอนนี้ก็เป็นจีน ซึ่งมหาธีร์มีประวัติในการลุกขึ้นต่อสู้กับมหาอำนาจ ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกมาโดยตลอด