เดอะ บิซิเนส ไทมส์ รายงานวันนี้ (2 ต.ค.) ระบุว่า บริษัท CapitaLand ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ และเป็น 1 ใน 3 นักพัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ของเอเชีย ประกาศลงทุนผ่านบริษัทลูก “CL Kingdom Investment” มูลค่า13.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อซื้อหุ้น 50% ในโปรเจ็กต์ The Work Project Kingdom (TWPK) และตั้งเป้าว่าจะเพิ่มเงินสำหรับการกู้ยืมแก่ผู้ถือหุ้นรายอื่น จำนวน 13.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์
ทั้งนี้ เป็นการออกหุ้นจำนวน 13.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ในโปรเจ็กต์ TWPK และส่วนที่เหลืออีก 50% ใน TWPK จะถือโดยนักธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับ CapitaLand
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
รายงานระบุว่า TWPK ซึ่งเป็นพื้นที่ให้เช่าแห่งใหม่ อยู่ในพื้นที่เดียวกับ Capital Tower และ Asia Square Tower (AST) 2 ซึ่งมีเจ้าของในนาม CapitaLand Commercial Trust (CCT) โดยมี CapitaLand Group ถือหุ้นอยู่ประมาณ 30.1% ทั้งนี้ โครงการใหม่ดังกล่าวกำหนดว่า จะเช่าพื้นที่ราว 41,000 ตารางฟุตของ AST 2 นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปี 2019 จนถึง 31 ธ.ค. ปี 2023 ขณะที่ในสัญญาเช่าได้ระบุว่า TWPK จะสามารถต่ออายุการเช่าได้อีก 5 ปี ซึ่งจะหมายถึงว่า อัตราการเช่าพื้นที่ภายใน AST จะเพิ่มขึ้นจาก 92% ในเดือนมิ.ย. เพิ่มเป็น 97%
สำหรับพื้นที่การเช่าใน Capital Tower 31,000 ตารางฟุต โดยจะหมายถึงการเช่าพื้นที่ทั้งหมดใน 2 ชั้นแรกของตึก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า จนถึง วันที่ 15 ม.ค.ปี 2024 และสามารถต่ออายุการเช่าพื้นที่ได้อีก 5 ปี
ทั้งนี้ มีประเมินเบื้องต้นว่า ค่าเช่าโดยรวมทั้งหมดที่ต้องชำระให้กับ AST 2 และ Capital Tower จะอยู่ที่ 43.4 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ตลอดอายุสัญญาเช่าทั้งหมด
ขณะที่ รายงานระบุด้วยว่า การปรับเปลี่ยนและเพิ่มพื้นที่ให้เช่าสำนักงานแห่งใหม่ในพื้นที่เดิม เป็นโมเดลอย่างหนึ่งที่เรียกว่า “core-flex” เป็นการผสมผสานและเพิ่มความยืดหยุ่นสู่การเป็น “ออฟฟิศแห่งอนาคต”
ทั้งนี้ นายลูคัส โลห์ (Lucas Loh) ประธานบริษัท CapitaLand Group กล่าวว่า เราจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนและเพิ่มไดนามิกเพื่อให้ผู้เช่ารู้สึกสบายใจในการทำงาน การรวมพื้นที่ทั้งสำนักงานให้เช่าทั้งเก่าและใหม่ให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน เป็นการสร้างระบบนิเวศของสำนักงานในอนาคต พร้อมย้ำว่า “เราเชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างที่สำคัญจากเจ้าของสำนักงานรายอื่นๆ”