โอกาสการค้า “ไทย-มัลดีฟส์” ดัน “ท่องเที่ยว-ประมง” ธุรกิจหลัก

การเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมัลดีฟส์ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. “อิบราฮิม โมฮาเหม็ด โมลิห์” ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน ได้รับชัยชนะเหนือ “อับดุลลา ยามีน” อดีตประธานาธิบดี ถึง 16%

ล่าสุด นายสนั่น อังอุบลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ประจำประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้เตรียมเดินทางไปยังมัลดีฟส์ หลังจากมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ และมีการสถาปนาเกิดขึ้นในวันที่ 11 พ.ย. เพื่อหารือการยกระดับความสัมพันธ์ด้านการค้าการลงทุนระหว่างกัน

“มัลดีฟส์เป็นตลาดที่มีศักยภาพโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ขณะนี้กำลังประสานกับสายการบินเวียดเจ็ตเพื่อเพิ่มเที่ยวบินจากโฮจิมินห์-กรุงเทพฯ ไปยังมัลดีฟส์ หากสำเร็จจะทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปมัลดีฟส์มากขึ้น”

ปัจจุบันมีนักลงทุนไทยเข้าไปทำธุรกิจในมัลดีฟส์จำนวนมาก เช่น ล่าสุด “สิงห์กรุ๊ป” เข้าไปลงทุนธุรกิจโรงแรม 20,000 ล้านบาท

“ไมเนอร์กรุ๊ป” เข้าไปซื้อโรงแรมขนาด 35 ห้อง และก่อนหน้านี้มี “เซ็นทรัลกรุ๊ป” ดุสิตธานี และอนันตรา หากไทยสามารถขยายต่อยอดธุรกิจบริการอย่าง “ธุรกิจสปา” ก็จะเป็นการเพิ่มโอกาสส่งออกผลิตภัณฑ์สปาได้ด้วย

นอกจากนี้ มัลดีฟส์ยังเป็นแหล่งวัตถุดิบสัตว์น้ำที่สมบูรณ์โดยเฉพาะทูน่า ผู้ประกอบการไทยหลายรายที่สั่งซื้อวัตถุดิบจากมัลดีฟส์ เช่น ทียูเอฟและ ซุปเปอร์ซีเชฟ

ที่ผ่านมามีการประชุม JTC ไทย-มัลดีฟส์ ครั้งที่ 2 ในปี 2016 โดย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน ร่วมกับ นายโมฮัมเหม็ด ซาอีด รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจมัลดีฟส์ เคยหารือในหลายด้าน เช่น การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว การประมง สุขภาพ และแรงงานพร้อมนำคณะภาคเอกชนเข้าร่วมกิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจกว่า 50 ราย ในสาขาการท่องเที่ยวและโรงแรม อาหาร อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และเครื่องประดับอัญมณี โดยได้ตั้งเป้าอยู่ที่ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2019

ทั้งนี้ มัลดีฟส์เป็นประเทศหมู่เกาะขนาดเล็ก มีประชากรราว 350,000 คน มีนักท่องเที่ยวมากถึง 1.3 ล้านคนต่อปี

ขณะที่มัลดีฟส์ไม่มีอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศ แต่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น ไทยจึงมีโอกาสในการเพิ่มการส่งออก เช่น สินค้าเกษตร และอาหารแปรรูป เป็นต้น

โดยในช่วง 9 เดือนแรก ไทย-มัลดีฟส์มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 147.51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าราว 31.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ