“สิงคโปร์” เรียกร้อง “อาเซียน” ผนึกกำลังเข้ม หวั่นแรงกดดันทางการเมืองสะเทือน “พหุภาคี”

Roslan RAHMAN / AFP

รอยเตอร์ส รายงาน “ลี เซียนลุง” นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ เรียกร้องให้ 10 ชาติอาเซียนกระชับความสัมพันธ์ ร่วมมือเป็นหนึ่งเดียว ในขณะที่การร่วมมือพหุภาคีกำลังตกอยู่ใต้ภัยคุกคาม โดยกล่าวในงานประชุมซัมมิท ASEAN Business and Investment Summit ระหว่างสมาชิกชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งจีนและสหรัฐ ในฐานะพาร์ทเนอร์ของภูมิภาค

“อาเซียนมีศักยภาพ แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเดินหน้าอย่างเต็มกำลังในการเลือกร่วมมือกันและทำงานอย่างเฉียบขาดเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายระดับโลก ในขณะที่ปัจจุบันการเป็นพหุพาคีมักถูกแรงกดดันด้วยปัจจัยทางการเมืองมาก” ลี เซียนลุง กล่าว

ก่อนหน้านี้ ลี เคยแสดงความกังวลและเตือนว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและกจีนจะส่ง “ผลกระทบด้านลบและยิ่งใหญ่” ต่อสิงคโปร์ เช่นเดียวกับธนาคารกลางสิงคโปร์ที่เตือนว่าผลจากสงครามดังกล่าวจะทำให้การเติบโตเกิดการสะดุดได้

อย่างไรก็ตาม การประชุมซัมมิทที่สิงคโปร์ที่ผ่านมาปราศจาก “ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์” ผู้ซึ่งเคยกล่าวว่าการดำเนินงานลักษณะพหุภาคีทางการค้ามักเป็นดีลที่ไม่เป็นธรรมอยู่ ซึ่งจี้ปมปัญหาของจีนในเรื่องการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา อุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจของสหรัฐและการขาดดุลทางการค้า

“ไมค์ เพนซ์” รองประธานาธิบดีของสหรัฐจะเข้าร่วมการประชุมนี้แทนทรัมป์ ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้อีก ได้แก่ “หลี่ เค่อเฉียง” นายกรัฐมนตรีของจีน, “วลาดิเมียร์ ปูติน” ประธานาธิบดีของรัสเซีย, “นเรนทร โมที” นายกรัฐมนตรีของอินเดีย และนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น “ชินโซ อาเบะ”

ลี คาดหวังว่าจะสามารถสนับสนุนความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค หรือ RCEP ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาและโชว์เคสว่าจะเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ครอบคลุม 1 ใน 3 ของจีดีพีโลก

ข้อตกลงดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง 10 ชาติอาเซียน และ 6 คู่ค้า ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยไม่รวมสหรัฐ

ยังไม่มีรายงานชัดเจนว่า จะมีการประชุมพิเศษระหว่าง “ลี เซียนลุง” กับ “ไมค์ เพนซ์” ในช่วงการจัดประชุมที่สิงคโปร์หรือไม่ แม้ว่าการประชุมซัมมิทจะเปิดฉากขึ้นโดย “โดนัล ทรัมป์” และ “สี จิ้นผิง” เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมาที่บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา