ทัพปินส์เจองานหยาบภาคใต้อีก โรดีสั่งลุยบดขยี้สิ้นซากอาบูซาย์ยาฟ

วันที่ 31 ม.ค. ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ มีคำสั่งให้กองทัพฟิลิปปินส์เปิดยุทธการทางทหารเต็มรูปแบบอีกครั้งบนเกาะมินดาเนา ทางใต้ของประเทศ เพื่อกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธ หลังเกิดเหตุคนร้ายวางระเบิดโบสถ์ 2 แห่ง

การเปิดยุทธการทางทหารของกองทัพฟิลิปปินส์ครั้งใหม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี หลังฟิลิปปินส์เพิ่งกวาดล้างกองกำลังติดอาวุธของรัฐอิสลาม หรือไอเอส ในเมืองมาราวีได้สำเร็จ และนำความสงบสุขกลับมาสู่เกาะมินดาเนา

แต่การวางระเบิดข้างต้นส่งผลให้ทางการฟิลิปปินส์คาดว่า เป็นฝีมือของกลุ่มกบฎอาบูซาย์ยาฟ หรือเอเอสจี ซึ่งเป็นสาขาที่เคยประกาศสวามิภักดิ์กับไอเอส

ประธานาธิบดีดูแตร์เต กล่าวว่า “ผมสั่งตลอด ให้ทำลายอาบูซาย์ยาฟ ให้ทำลายพวกกบฎคอมมิวนิสต์ ให้ทำลายพวกขบวนการค้ายาเสพติด แล้วก็ถ้าอยากจะรู้ว่าทำลายอย่างไร พูดง่ายๆ ก็คือ ฆ่าทิ้งนั่นแหละ ใช่ครับ ฆ่าทิ้ง”

นายเดลฟิน โลเรนซาโน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า กองพันทหาราบและหน่วยนาวิกโยธินของกองทัพฟิลิปปินส์รวมกว่า 5,000 นาย กำลังเดินทางลงไปยังเกาะมินดาเนา

โดยตนมีคำสั่งให้กองทัพอากาศเปิดภารกิจโจมตีทางอากาศเพื่อกดดันและทำลายเป้าหมายกลุ่มอาจาง อาจาง ซึ่งเป็นนักรบของเอสเอสจี

อย่างไรก็ดี ซีเอ็นเอ็นมองว่า ภารกิจกวาดล้างครั้งใหม่ของกองทัพฟิลิปปินส์อาจไม่ง่าย เนื่องมาจากหลายปัจจัย ได้แก่ ความหนาแน่นกระจุกตัวของหน่วยรบเอเอสจี

โดยเอเอสจีนั้นถือเป็นหนึ่งในกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่ร้ายดาจที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยก่อเหตุโจมตีในเมืองมาราวี และลักพาตัวชาวต่างชาติเพื่อแลกกับค่ไถ่ จนถึงการสังหารตัวประกันแล้วเผยแพร่คลิป

นายซิดนีย์ โจนส์ ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์ความขัดแย้งจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า เอเอสจีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชาวบ้านท้องถิ่น และกับไอเอส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมการลักพาตัวเรียกค่าไถ่ระดับโลก ทั้งยังสร้างรายได้ และอำนาจต่อรองกับรัฐให้ชาวบ้าน บริเวณดังกล่าวแทบไม่มีหน่วยงานของรัฐอยู่

ปัจจัยต่อมาเป็นความอยุติธรรมที่ชาวบ้านท้องถิ่นต้องเผชิญมาเนิ่นนาน เป็นความรู้สึกแปลกแยกแตกต่างของชาวมุสลิมที่เป็นคนส่วนน้อย

 

 

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์