“บังกลาเทศ” เดือดไม่มีพื้นที่รับ “โรฮีนจา” เพิ่มเติม-ร้องขอ UN ปฏิบัติการขั้นเด็ดขาด

REUTERS/Cathal McNaughton

วิกฤต “โรฮีนจา” ในรัฐยะไข่ยังคงเป็นปัญหาที่ลากยาวมานานหลายปี และยังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้เร็วๆ นี้ ล่าสุด “นิตยสารไทมส์” รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของบังกลาเทศ กล่าวว่า บังกลาเทศจะต้องยุติการรับผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮีนจาจากเมียนมาเพิ่มเติม พร้อมทั้งกล่าวหารัฐบาลบังกลาเทศด้วยว่าเป็น “ผู้ขัดขวาง” แผนการส่งกลับกลุ่มโรฮีนจากว่า 1 ล้านคน ที่ได้หลบหนีเข้าประเทศจากความรุนแรงในพื้นที่รัฐยะไข่

ขณะเดียวกัน เมียนมายืนยันว่ากำลังดำเนินการตามขั้นตอนที่จะรับผู้อพยพกลับคืนสู่ประเทศ ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตเมียนมาได้ร้องขอให้อดทนอดกลั้นจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN) อย่างไรก็ตาม ชาติสมาชิกหลายประเทศได้กล่าวตำหนิว่า ความคืบหน้าที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเป็นความล่าช้าที่เกือบจะครบ 1 ปี หลังจากที่คณะผู้แทนเดินทางไปสังเกตวิกฤตการณ์ดังกล่าวด้วยตนเอง

“ชาห์ดุล เฮค” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของบังกลาเทศ ยืนยันว่า นับตั้งแต่ที่เกิดความรุนแรงครั้งใหม่ในรัฐยะไข่ เมื่อกลางเดือนม.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มอพยพรายใหม่ที่ยังคงเดินทางข้ามพรมแดนเข้าไปในบังกลาเทศมากขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น เห็นได้ชัดว่ากระบวนการส่งตัวกลับยังคงน่ากังวล เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ทางตอนเหนือของเมียนมายังคงเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ เขาได้กล่าวต่อคณะมนตรีของ UN ระบุว่า “บังกลาเทศไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้คนจากเมียนมาได้อีกต่อไป”

ทั้งนี้ นักวิชาการขององค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า “นี่คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ขณะที่เอกอัครราชทูตเมียนมาประจำ UN กล่าวว่า รัฐบาลเมียนมากำลังดำเนินการตามขั้นตอน เพิ่มความสะดวกสบายในแผนการส่งตัวกลับประเทศของชาวโรฮีนจาจากค่ายพักพิงของบังกลาเทศ

ก่อนหน้านี้ นับตั้งแต่เดือนส.ค. 2017 ที่ผ่านมา มีชาวโรฮีนจามากกว่า 700,000 คน ที่หนีเข้าไปในบังกลาเทศ เพื่อต้องการหลบหนีความรุนแรงที่เกิดขึ้น หลังจากที่กองกำลังโรฮีนจาถูกโจมตีโดยกองกำลังรักษาความปลอดภัยของเมียนมาในรัฐยะไข่  เป็นเหตุให้เกิดการต่อสู้กันทางทหารอย่างรุนแรง