“อินโดนีเซีย-ออสเตรเลีย” บรรลุเจรจา FTA หลังหารือนานกว่า 8 ปี

REUTERS/Willy Kurniawan

บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (4 มี.ค.) ระบุว่า รัฐบาลอินโดนีเซียและออสเตรเลียลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยใช้เวลาในการหารือร่วมกันนานกว่า 11 ชั่วโมง เพื่อปรับปรุงความต้องการของทั้งสองภายใต้ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากที่ใช้เวลาในการเจรจามาก่อนหน้านั้นมากกว่า 8 ปีด้วยกัน

การลงนาม FTA ระหว่าง “Enggartiasto Lukita” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของอินโดนีเซีย และ “Simon Birmingham” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของออสเตรเลีย เกิดขึ้นที่กรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย โดยรัฐบาลทั้งสองจะต้องให้สัตยาบัน หรือได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากรัฐสภาของทั้งสองก่อนที่ข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้

ทั้งนี้ มุมมองของทั้งสองประเทศต่างมองว่า ข้อตกลงดังกล่าวนี้นับว่าเป็นโอกาสที่ดีในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน โดยออสเตรเลียเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดอันดับที่ 14 ของอินโดนีเซีย

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ความตึงเครียดทางการทูตก่อนหน้านี้ระหว่างออสเตรเลียกับชาติมุสลิมซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเจรจา FTA ล่าช้า โดยเกิดจากการที่อินโดนีเซียแสดงการต่อต้านการตัดสินใจของนายสก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย ในการพิจารณาย้ายสถานทูตออสเตรเลียจากกรุงเทล อาวีฟ ไปยังเมืองเยรูซาเลม ตามหลังไม่กี่ประเทศที่ก่อนหน้านี้ตัดสินใจย้ายออกแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวสร้างความไม่พอใจแก่ชาวมุสลิมจำนวนมาก รวมถึงอินโดนีเซีย ขณะเดียวกัน ผู้นำออสเตรเลียกำลังจะเข้าสู่สนามเลือกตั้งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จึงตัดสินใจระงับข้อเสนอดังกล่าวไว้ก่อน

ขณะที่ ทางฝั่งอินโดนีเซียเอง “โจโกวี วิโดโด” ประธานาธิบดีแห่งอินโดนีเซีย ก็กำลังจะลงสนามการเลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้นำประเทศในสมัยที่ 2 อีกครั้ง โดยมีกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 17 เม.ย.ปีนี้ โดยที่ผ่านมานโยบายทางเศรษฐกิจของ ผู้นำวิโดโดเคยถูกโจมตีอย่างหนัก เนื่องจากประสบปัญหาขาดดุลทางการค้ากว่า 8.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา นับเป็นตัวเลขการขาดดุลทางการค้าที่สูงที่สุด นับตั้งแต่ปี 1975

ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า ข้อตกลง FTA ดังกล่าวนี้ คาดว่าทั้งสองประเทศจะงดเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าหลายประเภท และจะช่วยขยายยอดการส่งออกของอินโดนีเซียอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมถึงยังเป็นการปูทางสำหรับตลาดรถยนต์ของอินโดนีเซียในการเพิ่มการส่งออกไปยังตลาดออสเตรเลียด้วย

นอกจากนี้ ข้อตกลงนี้จะเอื้อให้สินค้าและบริการของออสเตรเลียถึง 99% ที่ส่งออกไปยังอินโดนิเซีย ปลอดภาษีขาเข้าหรือไม่ก็ได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าอื่นๆ ภายในปี 2020 ขณะที่ ผู้ส่งออกชาวออสเตรเลียจะได้รับใบอนุญาตนำเข้าโดยอัตโนมัติ สำหรับสินค้าปศุสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์แช่แข็ง เนื้อแกะ ครอบคุลมไปถึง ธัญพืชอาหารสัตว์ เหล็กและเหล็กแผ่นรีด และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ ด้วย

รวมถึงอุตสาหกรรมเหล็กกล้า ทองแดง และพลาสติกของออสเตรเลีย ก็จะได้รับอานิสงค์จากข้อตกลงดังกล่าวด้วยเช่นกัน รวมทั้งอุตสาหกรรมบริการอื่นๆ เช่น สุขภาพ เหมืองแร่ การโทรคมนาคม การท่องเที่ยว และการศึกษา สำหรับเกษตรกรชาวออสเตรเลียสามารถส่งออกธัญพืชอาหารสัตว์อย่าง “ข้าวสาลี” ไปยังตลาดอินโดนีเซียมากถึง 500,000 ตัน โดยปลอดภาษี


ทั้งนี้ ข้อตกลง FTA อินโดนีเซีย-ออสเตรเลีย จะเป็นสร้างความร่วมมือครั้งใหม่สำหรับการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของทั้งสอง ทั้งจะสร้างความสัมพันธ์อันยาวนานในระดับประชาชนของทั้งสองประเทศด้วยเช่นกัน โดยคาดว่าทั้งสองประเทศจะทำงานอย่างหนักเพื่อเร่งรัดกระบวนการให้สัตยาบันเร็วๆ นี้