สหประชาชาติหรือยูเอ็นเผยตัวเลขชวนตะลึงว่า ความรุนแรงครั้งล่าสุดในรัฐยะไข่ที่รัฐบาลระบุว่าเกิดขึ้นจากการที่กลุ่มติดอาวุธชาวโรฮีนจาได้บุกโจมตีป้อมตำรวจเพียงราวหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 400 ราย ส่งผลให้ชาวโรฮีนจาหนีเข้าไปยังบังกลาเทศแล้ว 38,000 คน
โฆษกของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอชซีอาร์ ระบุว่า มีเต็นท์และที่พักซึ่งถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ว่างตลอดสองฝั่งถนน ขณะที่ผู้รอดชีวิตเล่าว่าถูกยิงขณะกำลังพยายามข้ามพรมแดน แต่ไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้ยิงชาวโรฮีนจาเหล่านี้ และยังมีผู้คนอีกหลายพันคนที่รอข้ามพรมแดนเข้ามายังบังกลาเทศ
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ชาวโรฮีนจาจำนวนมากพยายามที่จะข้ามแม่น้ำนาฟเพื่อเข้าไปยังบังกลาเทศ โดยมีรายงานว่าเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา มีศพชาวโรฮีนจา 16 ศพ ถูกพัดขึ้นฝั่งแม่น้ำ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจากจมน้ำน่าจะสูงถึงราว 40 ราย หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่พบคนกลุ่มหนึ่งพยายามที่จะข้ามแม่น้ำนาฟมายังบังกลาเทศ
ด้านผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพม่า ระบุว่า วงจรความรุนแรงในรัฐยะไข่ที่เลวร้ายลงอย่างหนักทำให้เกิดความวิตกกังวลอย่างยิ่งและต้องหาทางยุติลงทันที
ที่มา มติชนออนไลน์
