แผน Vinfast เวียดนาม รถยนต์อาเซียนสู่ “อินเตอร์”

เล ถิ ถื่อ ถวี่ ภาพจาก www.bloomberg.com

“วินฟาสต์” (Vinfast) แบรนด์รถยนต์แห่งชาติเวียดนาม กำลังสร้างความฮือฮาแก่ประชาคมโลก โดย “เล ถิ ถื่อ ถวี่” ประธานบริษัท วินฟาสต์ ได้รับเชิญขึ้นปาฐกถาในหัวข้อ “Automotive ASEAN” ในเวทีประชุมผู้นำธุรกิจอาเซียน หรือ ASEAN Business Summit 2019

“เล ถิ ถื่อ ถวี่” หรือ “ถวี่ เล” ประธานหญิงแห่ง “Vinfast” รถยนต์สัญชาติเวียดนามน้องใหม่ ภายใต้เครือ “Vingroup” กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม ระบุว่า “แม้เราจะยังเป็นน้องใหม่ในวงการยานยนต์ แต่เรามีความทะเยอทะยานที่จะทำตามเป้าหมายสูงสุดให้ได้ นั่นคือ รถยนต์เวียดนามสู่รถยนต์ระดับโลก”

นอกจากนี้ ถวี่ เล ยังนั่งเป็นรองประธานของ Vingroup กล่าวว่า วินกรุ๊ปถือเป็น “บริษัทเอกชน” ยักษ์ใหญ่ในเวียดนาม ไม่ได้โฟกัสแค่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่เราพยายามสร้างอาณาจักร Vingroup ทำธุรกิจเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรม และสมาร์ทโฟนแบรนด์ “Vsmart” สำหรับ Vinfast ถือเป็นไลน์ธุรกิจใหม่ล่าสุดของบริษัทที่รุกเข้ามาในตลาดรถยนต์ โดยบริษัทได้ลงทุน 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปิดโรงงานการผลิตบนพื้นที่ขนาด 335 เอเคอร์ ที่เมืองไฮฟอง ทางตอนเหนือของเวียดนาม เมื่อปี 2017

ปี 2018 ที่ผ่านมา วินฟาสต์เปิดตัวรถยนต์ 3 ประเภท ได้แก่ รถยนต์ 5 ประตู (hatchback) ราคาประมาณ 17,000 ดอลลาร์สหรัฐ, รถยนต์ซีดาน ราคา 42,493 ดอลลาร์สหรัฐ และรถอเนกประสงค์ (SUV) ราคา 60,734 ดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ในงาน “ปารีส มอเตอร์ โชว์ 2018” ยังได้เปิดตัวรถยนต์หรู 2 โมเดล ชื่อรุ่น “Fadil” ได้แก่ แบบซีดาน VinFast LUX A2.0 และรถอเนกประสงค์ VinFast LUX SA2.0 SUV ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากในงาน มียอดสั่งจองประมาณ 10,000 คัน

อย่างไรก็ตาม ประธานหญิงแห่ง Vinfast ระบุว่า ความไม่ถนัดในอุตสาหกรรมรถยนต์ทำให้เราจำเป็นต้องหาพาร์ตเนอร์ธุรกิจด้านการผลิต และชิ้นส่วนรถยนต์ ทั้งรายใหญ่และรายเล็กราว ๆ 20-30 ราย เช่น BMW, Robert Bosch, Opel ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนี และ Magna Steyr ของออสเตรีย เป็นต้น

“เวียดนาม” ยังคงเป็นตลาดเป้าหมายอันดับหนึ่ง ด้วยปัจจุบันชาวเวียดนามยังใช้รถยนต์ในสัดส่วนที่น้อยมากเพียง 10% ของการซื้อรถทุกประเภท (มอเตอร์ไซค์/จักรยาน) เทียบกับประเทศไทยที่การแข่งขันสูงกว่ามาก

“เราต้องการยกระดับแบรนด์ Vinfast สู่แบรนด์แห่งอาเซียน ซึ่งตอนนี้ถือว่าเวียดนามเป็นประเทศเดียวที่ผลิตรถของตัวเอง และเป้าหมายสูงสุดก็คือ การขึ้นสู่แบรนด์ระดับโลก โดยเป้าหมายเริ่มแรกที่กำลังทำอยู่ คือ ผลิตรถยนต์รุ่น Fadil ให้ได้จำนวน 250,000 คัน/ปี หรือให้ใกล้เคียงกับยอดขายรถยนต์ในเวียดนามของปีที่ผ่านมาที่ 280,000 คัน ก่อนขยับเพิ่มการผลิตเป็น 1 ล้านคัน/ปี เพื่อสามารถจับกลุ่มลูกค้าชาวเวียดนามให้ได้มากที่สุด”

ข้อมูลที่น่าสนใจคือในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ยอดขายรถยนต์ในเวียดนามอยู่ที่เกือบ 120,000 คัน โดย “ท็อป 5” ของรถที่ได้รับความนิยมในเวียดนาม ได้แก่ Toyota Vios, Mitsubishi Xpander, Honda CR-V, Toyota Fortuner และ Ford Ranger ซึ่งหนึ่งในเป้าหมายของวินฟาสต์ คือ การขึ้นเป็นแบรนด์รถยนต์ยอดนิยมแทนที่แบรนด์ของต่างชาติ ดังนั้น บริษัทจึงเสนอรถยนต์สัญชาติเวียดนามในราคาที่แข่งขันได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การสร้างแบรนด์วินฟาสต์ ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับก่อน เราไม่ได้หวังทำกำไรตอนนี้ และยังคงต้องลงทุนกับธุรกิจรถยนต์ต่อเนื่องอีก 2-5 ปี เพื่อโหมโปรโมตแบรนด์และเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงดำเนินการให้สามารถลดต้นทุนบางอย่างได้ในอนาคต

ประธานหญิง Vinfast กล่าวทิ้งท้ายว่า การแจ้งเกิด “VinFast” รถยนต์สัญชาติเวียดนาม ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลเวียดนาม ทั้งเรื่องภาษี และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ และคาดหวังว่า ข้อตกลงการค้าเสรียุโรป-เวียดนาม (EVFTA) ที่ลงนามอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2019 จะเป็นโอกาสอันดี ทำให้รถยนต์ Vinfast สามารถเจาะตลาดในยุโรปได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การบุกตลาดต่างประเทศสำหรับวินฟาสต์ยังเป็นความท้าทายใหญ่มาก จำเป็นต้องเดินหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้รู้ทันอุปสรรคที่จะเผชิญข้างหน้า