“แอมเนสตี้” เรียกร้องเมียนมาหยุดปิดกั้นความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อชาวโรฮีนจา

วันที่ 6 กันยายน รายงานข่าวว่าแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลประเทศเมียนมาอนุญาตให้หน่วยงานด้านมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงพื้นที่ของรัฐได้อย่างเต็มที่และปราศจากการแทรกแซง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่กำลังทุกข์ยากเนื่องจากทางการเมียนมาปิดกั้นไม่ให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศเข้าสู่รัฐยะไข่ กำลังทำให้ชาวโรฮีนจาหลายหมื่นคนตกอยู่ในสภาพที่เสี่ยงภัย

“สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในรัฐยะไข่รุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากกองทัพได้มีปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ นับแต่การโจมตีหน่วยปฏิบัติการความมั่นคงหลายสิบแห่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการกล่าวอ้างว่าเป็นการโจมตีโดยกลุ่มติดอาวุธกองทัพปลดแอกชาวโรฮีนจาแห่งรัฐอาระกัน”

ทีรานา ฮัสซัน (Tirana Hassan) ผู้อำนวยการแผนกรับมือภาวะวิกฤต แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า สภาพด้านมนุษยธรรมในรัฐยะไข่เป็นอยู่อย่างหายนะ ไม่ควรมีเหตุผลมาอ้างเพื่อการปฏิเสธไม่ให้ประชาชนที่กำลังเดือดร้อนเข้าถึงความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อชีวิตพวกเขาได้ การที่ทางการเมียนมาปิดกั้นการเข้าถึงของหน่วยงานด้านมนุษยธรรม ส่งผลให้ชีวิตประชาชนหลายหมื่นคนเสี่ยงภัย และแสดงถึงความเพิกเฉยอย่างร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์

“การปิดกั้นส่งผลกระทบต่อชุมชนทั้งหมดในรัฐยะไข่ รัฐบาลต้องเปลี่ยนแผนการโดยทันที และอนุญาตให้หน่วยงานด้านมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงพื้นที่ส่วนต่างๆ ของรัฐได้อย่างเต็มที่และปราศจากการแทรกแซง ทั้งนี้เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่กำลังทุกข์ยาก”

แถลงการณ์กล่าวว่า รัฐบาลยังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงด้วยการกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศให้ความสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮีนจา หลังกล่าวหาว่าได้พบเสบียงอาหารที่มีฉลากขององค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศติดอยู่ ในค่ายของกลุ่มติดอาวุธ ทางตอนเหนือของรัฐยะไข่

“ข้อกล่าวหาต่อองค์กรมนุษยธรรมระหว่างประเทศว่าเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในรัฐยะไข่ เป็นข้อกล่าวหาที่ทั้งเกินจริงและขาดความรับผิดชอบ ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมดำเนินการให้ความช่วยเหลือชาวเมียนมา โดยให้ทั้งความช่วยเหลือและความสนับสนุนในสิ่งที่จำเป็น ซึ่งเป็นภารกิจที่รัฐบาลมักไม่สามารถกระทำได้ ทางการเมียนมาต้องหยุดเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ เช่นนี้ และหยุดการเผยแพร่ข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริงและเป็นการยั่วยุโดยทันที” ทีรานากล่าวทิ้งท้าย

แถลงการณ์กล่าวว่า มีประชาชนหลายหมื่นคนถูกบังคับให้อพยพหลบหนีออกจากบ้านเรือนของตนนับตั้งแต่ความรุนแรงเริ่มต้นขึ้น ตามข้อมูลล่าสุดของสหประชาชาติ คาดว่ามีผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา 90,000 คน หลบหนีข้ามพรมแดนไปยังบังกลาเทศ ในขณะที่รัฐบาลเมียนมาได้อพยพประชาชนกว่า 11,000 คน ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยอีกกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของรัฐยะไข่

“ประชาชนหลายพันคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮีนจา เชื่อว่าถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามป่าเขาทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ โดยหน่วยงานสหประชาชาติและองค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศไม่สามารถประเมินความต้องการด้านที่อยู่อาศัย อาหาร และความคุ้มครองของพวกเขาได้”

 

 


ที่มา มติชนออนไลน์