“เมียนมา” สร้างค่ายผู้ลี้ภัยและค่ายตำรวจชายแดน ทับพื้นที่หมู่บ้าน “โรฮีนจา”

Phyo Hein KYAW / AFP

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า หมู่บ้านของ “ชาวมุสลิมโรฮีนจา” ทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา ถูกทำลายลง โดยพื้นที่บางส่วนมีการสร้างค่ายตำรวจ อาคารราชการ และค่ายผู้ลี้ภัยขึ้นแทนที่ แต่เจ้าหน้าที่ของทางการเมียนมายังคงปฏิเสธว่า ไม่ได้ก่อสร้างสถานที่เหล่านั้นทับลงบนพื้นที่หมู่บ้านของชาวโรฮีนจาแต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ ชาวโรฮีนจากว่า 700,000 คนต้องอพยพลี้ภัยออกจากเมียนมาเนื่องจากปฏิบัติการทางทหารในรัฐยะไข่ในปี 2017 ซึ่งองค์การสหประชาชาติได้ออกมาประณามว่าคือการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ แต่รัฐบาลเมียนมายังคงปฏิเสธว่ามีการใช้กำลังทหารสังหารหมู่ดังกล่าว และยังระบุว่าพร้อมที่จะรับชาวโรฮีนจากลับมายังเมียนมา

แต่เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ความพยายามส่งตัวผู้อพยพชาวโรฮีนจากลับเมียนมาประสบความล้มเหลว เนื่องจากชาวโรฮีนจา 3,450 คนที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลเมียนมาให้สามารถเดินทางกลับประเทศได้ ไม่มีใครยินยอมเดินทางกลับไปยังเมียนมาเลย เนื่องจากชาวโรฮีนจาเรียกร้องความรับผิดชอบต่อความโหดร้ายในปี 2017 และยังกังวลในเรื่องเสรีภาพในการดำรงชีวิตละสิทธิพลเมือง

สถาบันนโยบายเชิงกลยุทธ์ของออสเตรเลียได้ทำการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมโดยประเมินว่า อย่างน้อย 40 % ของหมู่บ้านชาวโรฮีนจาที่ได้รับความเสียหายจากความรุนแรงในปี 2017 นั้นปัจจุบันได้ถูกรื้อถอนออกทั้งหมดและถูกแทนที่สถานที่ของหน่วยงานราชการและค่ายผู้ลี้ภัย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ค่ายตำรวจรักษาการณ์ชายแดน

สถานการณ์ปัจจุบัน ทางการเมียนมายังคงยืนยันว่าชาวโรฮีนจาเป็นชาวบังกลาเทศที่อพยพเข้ามาในเมียนมาอย่างผิดกฎหมายในช่วง 70 ปีท่ผ่านมา แม้ว่าเมียนมาจะประกาศให้ชาวโรฮีนจาเดินทางกลับเมียนมาได้ แต่ยังคงปฏิเสธที่จะให้สิทธิพลเมืองและให้เสรีภาพในการเดินทาง โดยชาวโรฮีนจายังต้องรับบัตรยืนยันตัวตนแห่งชาติที่ระบุว่าพวกเขาถือสัญชาติบังกลาเทศ