“IP Key SEA” ผนึกกำลัง “EU- ASEAN” ต้านสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

“การละเมิดสิทธิของทรัพย์สินทางปัญญา” เป็นเรื่องที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้การปลอมแปลง ลอกเลียนแบบ และผลิตซ้ำทรัพย์สินทางปัญญาสามารถทำได้ง่ายด้วยต้นทุนต่ำ และยังมีคุณภาพที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับและผลิตได้ในปริมาณที่มากขึ้น ส่งผลเสียแต่ภาคธุรกิจและระบบเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมหาศาล

สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของสหภาพยุโรป (EUIPO) จึงได้ร่วมมือกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียง (อาเซียน) ใต้จัดกิจกรรม “IP Enforcement Week” ภายใต้แผนงานของ “ไอพี คีย์ เซาท์อีสต์เอเชีย” (IP Key SEA) เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพในสหภาพยุโรป (อียู) และแสวงหาความร่วมมือเพื่อยกระดับการคุ้มครองสิทธิของทรัพย์สินทางปัญญาในภูมิภาคอาเซียน

นายติอาโก เกียเรอิโร (Tiago Guerreiro) หัวหน้าโครงการ ไอพี คีย์ เซาท์อีสต์เอเชียระบุว่า ไอพี คีย์ให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทั้งในส่วนของผู้บังคับใช้กฎหมายและส่วนของผู้บริโภค โดยเน้นย้ำให้เห็นถึงผลเสียจากการใช้งานสินค้าที่ละเมิดลิชสิทธิ์ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและสุขภาพ

“ภาคธุรกิจต้องลงทุนสูงในการวิจัยและพัฒนาเพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงและได้มาตรฐาน แต่การบริโภคสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของภาคธุรกิจเหล่านั้น ซึ่งจะส่งผลลบไปถึงระบบเศรษฐกิจมหภาค ทำให้ภาคธุรกิจไม่เติบโตเนื่องจากการลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาสินค้าลดลง ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ไม่ได้รับสินค้าที่มีคุณภาพซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย” นายติอาโก เกียเรอิโรกล่าว

ตามข้อมูลของไอพี คีย์ชี้ว่า ประเภทสินค้าที่ถูกละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามากที่สุด 4 อันดับแรกในปี 2019 ได้แก่ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ของเล่น สื่อบันเทิงและซอฟต์แวร์ และบุหรี่ โดย EUIPO ประเมินว่าสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสร้างความเสียหายต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอียูราว 8,000 ล้านยูโรในแต่ละปี

ทั้งนี้ ความท้าทายในการป้องกันและปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในปัจจุบันคือ กฎหมายที่ไม่ครอบคลุมต่อตรวจสอบการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนั้นไอพี คีย์ เซาท์อีสต์เอเชียจึงได้นำผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพยุโปรเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ และเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในแต่ละประเทศของภูมิภาคอาเซียน ให้เท่าทันต่อขบวนการละเมิดลิขสิทธิ์

นายติอาโก เกียเรอิโรกล่าวเพิ่มเติมว่า “เห็นได้ชัดว่า ระบบคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่มีประสิทธิภาพจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนจากต่างประเทศ”

นอกจากนี้ ไอพี คีย์ เซาท์อีสต์เอเชียยังได้แบ่งปันแนวทางการป้องกันและปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ต่อผู้บังคับใช้กฎหมายในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะในด้านการใช้เครื่องมือเพื่อการสืบสวนสอบสวนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การสร้างฐานข้อมูลอัลกอริทึม และเทคโนโลยีใหม่อย่างบล็อกเชน เพื่อตรวจสอบสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในระบบอี-คอมเมิร์ซ

แม้ว่าไอพี คีย์จะได้รับการสนับสนุนหลักจากอียูเพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจของยุโรปเป็นหลัก แต่การยกระดับการคุ้มครองสิทธิของทรัพย์สินทางปัญญาในภูมิภาคอาเซียนจะเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายทั้งอียูและอาเซียน รวมถึงภาคธุรกิจอื่นด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความพร้อมเพื่อสนับสนุนการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างอาเซียนและอียูในอนาคตอีกด้วย