ลดภาษีนำเข้า “น้ำมันดิบ” 0% ดัน “เวียดนาม” TOP 3 ผู้ซื้อในอาเซียน

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “เวียดนาม” พยายามลดการนำเข้าวัตถุดิบหลายประเภท หนึ่งในนั้น ได้แก่ “น้ำมันดิบ” และส่งเสริมให้ภาครัฐและเอกชน รวมถึงบริษัทต่างชาติ เข้ามาแสวงหาโอกาสในการสำรวจและขุดเจาะ “แหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ” มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามประกาศเตรียม “ยกเลิก” ภาษีนำเข้าน้ำมันดิบ ซึ่งปัจจุบันจัดเก็บในอัตรา 5% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป ตามรายงานของรอยเตอร์ส

โดยนายกรัฐมนตรี “เหงียน ซวน ฟุก” ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปริมาณน้ำมันสำรองของประเทศกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค.ปีนี้ กำลังการผลิตน้ำมันในประเทศลดลง 7% และมีแนวโน้มว่าจะลดลงถึง 10-12% ในปลายปีนี้

เวียดนามจำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยกับแหล่งน้ำมันดิบในประเทศที่ลดลง โดยนับตั้งแต่ปี 2018 การสำรวจแหล่งน้ำมันดิบของเวียดนามต้องหยุดชะงักชั่วคราว เพราะการแผ่ขยายแสนยานุภาพทางทะเลของจีน โดยเฉพาะแหล่งสำรวจน้ำมันภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของเวียดนามในทะเลจีนใต้

โดยปัจจุบันเวียดนามมีโรงกลั่นน้ำมันดิบทั้งหมด 2 แห่ง ได้แก่ บริษัทน้ำมันบินห์เซินและปิโตรเคมี (BSR) อยู่ในจังหวัดกว่างนาม เป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มปิโตรเวียดนามของรัฐบาล และโรงกลั่นน้ำมันดิบหงิเซิน (Nghi Son) อยู่ที่จังหวัดธานห์โฮ บริหารงานโดยปิโตรเวียดนาม ร่วมกับบริษัทน้ำมันต่างชาติ ได้แก่ คูเวต ปิโตรเลี่ยม และมิตซุย เคมีเคิล ของญี่ปุ่น

โรงกลั่นน้ำมันทั้ง 2 แห่ง มีกำลังผลิตรวมกันอยู่ที่ประมาณ 330,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 500,000 บาร์เรลต่อวัน และเพิ่มในระดับสูงสุดที่ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

เพื่อตอบสนองดีมานด์การใช้น้ำมันภายในประเทศ รวมถึงเพิ่มปริมาณส่งออก นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการพัฒนาและขยายต่ออีกเกือบ 10 แห่ง ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาระยะยาวจนถึงปี 2030 เช่น สนามบิน และท่าเรือ แต่ด้วยแหล่งน้ำมันดิบในประเทศที่ลดลงจึงต้องอาศัยการนำเข้ามาทดแทน ดังนั้น รัฐบาลจึงตัดสินใจลดภาษีนำเข้าน้ำมันเหลือ 0%

“เล ซวน เฮวียน” ประธานบริษัท BSR กล่าวภายหลังที่รัฐบาลประกาศยกเลิกภาษีนำเข้าน้ำมัน ระบุว่า ก่อนหน้านี้ บริษัทสามารถสำรวจแหล่งน้ำมันดิบในประเทศได้ด้วยเครื่องมือเทคโนโลยีขั้นสูง แต่หลังการรุกรานของจีนทำให้มีอุปสรรคมากขึ้น จนทำให้โรงกลั่นขาดสภาพคล่องไม่มีผลผลิตที่เพียงพอ การปรับลดภาษีนำเข้าน้ำมันเหลือ 0% จะช่วยให้ต้นทุนเชื้อเพลิงของประเทศลดลง และทำให้การส่งออกน้ำมันสามารถแข่งขันได้ ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักของ BSR ได้แก่ เกาหลีใต้ จีน ไทย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และออสเตรเลีย

ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของปิโตรเวียดนาม เปิดเผยกับเวียดนามนิวส์ ว่า เมื่อเดือน ส.ค. เวียดนามได้ซื้อน้ำมันดิบบอนนี ไลท์ (Bonny Light crude) ของไนจีเรียเป็นครั้งแรก ปริมาณ 1 ล้านบาร์เรล และกำลังพิจารณานำเข้าเพิ่มเป็น 1-2 ล้านบาร์เรล ในเดือน ต.ค.นี้

นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะสั่งซื้อน้ำมันดิบจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดว่าเร็ว ๆ นี้ จะมีการหารือระหว่างกันอีกครั้ง หลังจากปี 2018 ที่บริษัทผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐแห่งหนึ่ง เรียกร้องให้รัฐบาลเวียดนามนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่ม ซึ่งก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่เวียดนามนำเข้าน้ำมันดิบจากบรูไน ไทย และสิงคโปร์

ด้วยเหตุที่ เศรษฐกิจของเวียดนามมีการเติบโตสูงต่อเนื่อง ภาครัฐและเอกชนมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ทำให้ดีมานด์การใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น

นักวิเคราะห์ของ Fitch Solutions Macro ผู้ให้บริการด้านงานวิจัยและโซลูชั่นของโลก คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำมันในเวียดนามจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี จนถึงปี 2025 จากที่ปริมาณ

การใช้น้ำมันปี 2018 อยู่ที่ 5.22 แสนบาร์เรลต่อวัน และนโยบายการปรับลดภาษีนำเข้าน้ำมันดิบเหลือ 0% ดังกล่าว อาจผลักดันให้เวียดนามกลายเป็น 1 ใน 3 ของผู้นำเข้าน้ำมันดิบของภูมิภาคอาเซียน จากที่ในปี 2018 3 ประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย และฟิลิปปินส์