สตาร์ตอัพท่องเที่ยวบูม “เวียดนาม-สิงคโปร์” ร่วมวง

การล้มละลายของ “โทมัส คุก” บริษัทท่องเที่ยวเก่าแก่อายุ 178 ปี ของอังกฤษ ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัญหาขาดสภาพคล่อง ขณะเดียวกันยังสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรง จากแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์แบบครบวงจรในปัจจุบัน

พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ปลี่ยนไป ส่วนใหญ่นิยมการวางแผนท่องเที่ยวด้วยตัวเอง โดยไม่ใช้บริการบริษัทนำเที่ยวอีกต่อไป และด้วยความสะดวกสบายจากเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้ “แพลตฟอร์มบุ๊กกิ้งออนไลน์” เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน

แพลตฟอร์มออนไลน์กำลังเป็นสมรภูมิใหม่ของธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งในอาเซียน ที่มีแพลตฟอร์มออนไลน์ท้องถิ่นแจ้งเกิดเพื่อท้าชนกับเจ้าตลาดอย่าง “แอร์บีเอ็นบี” (Airbnb) หรือ “บุ๊กกิ้งดอตคอม” (Booking.com) อย่างต่อเนื่อง

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า แพลตฟอร์มบุ๊กกิ้งที่พักออนไลน์ของเวียดนาม ที่ชื่อ “ลักซ์สเตย์” (Luxstay) ถือเป็นสตาร์ตอัพที่น่าจับตา โดย “สตีเว่น เหงียน” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ลักซ์สเตย์ เปิดเผยว่า บริษัทก่อตั้งเมื่อปี 2017 และเริ่มเปิดให้บริการเมื่อปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีที่พักเป็นสมาชิกในแพลตฟอร์มราว 15,000 แห่ง มีให้เลือกตั้งแต่แฟลต วิลล่า โรงแรม ไปจนถึงบ้านทั้งหลัง ซึ่งตัวเลือกที่หลากหลายเป็นจุดแข่งที่บริษัทสามารถแข่งขันได้

สำหรับยอดจองห้องพักในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 ยอดจอง/เดือน โดยนายเหงียนกล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงแห่งการทำตลาดอย่างหนักภายในเวียดนาม โดยได้ทดลองกระตุ้นยอดจองในหลายรูปแบบ เช่น การให้ส่วนลดราคาที่พักลูกค้าสูงสุดถึง 65% และสถานที่พักบางแห่งยังรวมราคาที่พัก+อาหารเช้าฟรี รวมไปถึง การให้สิทธิพิเศษแก่ลูกค้าสำหรับสปาภายในโรงแรม เป็นต้น

ทั้งนี้ ในเดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป “ลักซ์สเตย์” ได้จัดแพ็กเกจท่องเที่ยวคู่ระหว่าง “ที่พัก+กิจกรรม” เพื่อต้อนรับสู่ช่วงไฮซีซั่นของเวียดนาม และจะสานต่อแคมเปญนี้เพื่อใช้เป็นกลยุทธ์บุกตลาดต่างประเทศในปี 2020

ซีอีโอของลักซ์สเตย์ระบุว่า คู่แข่งรายสำคัญของบริษัท คือ “แอร์บีเอ็นบี” ปัจจุบันเป็นผู้เล่นรายใหญ่ธุรกิจท่องเที่ยวออนไลน์ของโลก รวมถึง “บุ๊กกิ้งดอตคอม” ซึ่งได้รับความนิยมมากเช่นกัน

“อย่างไรก็ตาม จุดต่างของลักซ์สเตย์น่าจะเป็นเรื่องดีลราคาห้องพักกับกิจกรรมที่น่าสนใจ ที่เน้นการท่องเที่ยวแบบใกล้ชิดคนท้องถิ่น เรามีกิจกรรมที่หลากหลายและไม่สามารถหาได้ในแพลตฟอร์มอื่น เช่น การร่วมกิจกรรมวาดภาพสไตล์ฮอยอัน ซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่มแบ็กแพ็กเกอร์ชาวจีน ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย กลุ่มลูกค้าของเราคือนักท่องเที่ยวที่มองหากิจกรรมแบบเฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่การท่องเที่ยวแบบทั่วไป นี่จะเป็นจุดแข็งของเรา และเป็นรายแรก ๆ ในเวียดนาม” นายสตีเว่น เหงียน กล่าว

ขณะเดียวกัน ในสิงคโปร์ก็มีสตาร์ตอัพด้านท่องเที่ยวออนไลน์ที่น่าสนใจ อย่าง “เรดดอร์ซ” (RedDoorz) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบริหารจัดการและจองโรงแรมแบบครบวงจร โดยก่อตั้งมาแล้ว 4 ปี ปัจจุบันให้บริการใน 4 ประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ และตั้งเป้าจะขยายธุรกิจเข้ามาในไทย และมาเลเซีย ในปี 2020-2021

“อามิท ซาเบอร์วัล” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของเรดดอร์ซ กล่าวว่า บริษัทมีบริการสนับสนุนการทำตลาดออนไลน์ให้กับโรงแรมในเครือข่าย เพื่อส่งเสริมการขายผ่านแพลตฟอร์มเรดดอร์ซ รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานเพื่อปรับปรุงคุณภาพของโรงแรม โดยปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในเครือข่ายประมาณ 1,400 แห่ง/ประเทศ และตั้งเป้าให้ได้ถึง 2,000 แห่ง/ประเทศ ภายในปลายปีนี้ และเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 แห่ง/ประเทศ ในปี 2022

“คอนเซ็ปต์ของเรดดอร์ซให้บริการโรงแรมที่เป็นสมาชิกแบบครบวงจร ซึ่งเน้นการท่องเที่ยวแบบประหยัดแต่คุ้มค่า โดยกลุ่มลูกค้าช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เป็นนักท่องเที่ยวเดินทางระยะสั้น 2-3 วัน/ทริป โดยลูกค้ากว่า 55% ของคนที่จองห้องพักเป็นพนักงานบริษัทที่เพิ่งเริ่มทำงาน ไปจนถึงคู่รัก และกลุ่มเพื่อน 2-4 คน”

นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้งเรดดอร์ซ กล่าวอีกว่า ราคาห้องพักบนแพลตฟอร์มเรดดอร์ซเฉลี่ยอยู่ที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐ/คืน ซึ่งเป็นราคามาตรฐานที่ใช้ในทุกประเทศที่ดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ทั้งนี้ราคาดังกล่าวได้รวมถึงฟังก์ชั่นพื้นฐานต่างๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น และฟรีไวไฟ และที่สำคัญ คือ โลเกชั่นโรงแรมที่ดี”

ที่น่าสนใจ คือ บริษัทได้มีการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยในการคาดหมายความต้องการจองห้องพักในแต่ละเมืองใน 4 ประเทศที่ดำเนินการด้วย นอกจากนี้ บริษัทกำลังศึกษาและหารือกับโรงแรมในเครือข่ายสำหรับแผนการจะเพิ่มบริการอื่น ๆ เข้าไปในห้องพัก เช่น บริการสตรีมมิ่งภาพยนตร์ และประตูแบบเช็กอินด้วยตนเองในอนาคต

อามิทเปิดเผยด้วยว่า ยอดจองโดยรวมในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา สูงถึง 500,000 ห้องพัก เป็นการจองแบบกลุ่มองค์กร/บริษัท จำนวน 150,000 ห้อง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอานิสงส์จากการจัดการประชุมในหลาย ๆ เมืองใน 4 ประเทศ และวาดฝันว่าภายในปีนี้ ยอดจองห้องพักบนแพลตฟอร์มเรดดอร์ซ อาจจะแตะที่ 1 ล้านบุ๊กกิ้ง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลแห่งการท่องเที่ยวในประเทศอาเซียน

“ประเทศอาเซียน” ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยผลสำรวจของ “กูเกิลและเทมาเส็ก” ชี้ว่า ตลาดท่องเที่ยวออนไลน์ในอาเซียนเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพเพียงพอที่จะโตเฉลี่ย 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2025 สอดรับกับเทรนด์การท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT) ที่กำลังขยายตัวมากขึ้น