“กาสิโนจีน” บุกฟิลิปปินส์ บ่มเพาะ 3 ปัญหา “มะนิลา”

“กาสิโน” เป็นหนึ่งในธุรกิจที่บริษัทจีนนิยมเข้ามาลงทุนในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ซึ่ง “กัมพูชา” พันธมิตรเหนียวแน่นที่สุดของจีน ได้กลายเป็น “มาเก๊าแห่งที่สอง” ในปัจจุบัน ขณะที่ “ฟิลิปปินส์” กำลังกลายเป็น “มาเก๊าแห่งใหม่” สำหรับนักพนันชาวจีน

“นิกเคอิเอเชียรีวิว” รายงานว่า พื้นที่บริเวณถนนคีรีโนที่ใกล้กับท่าอากาศยานมะนิลา เรียงรายไปด้วยร้านอาหาร สปา อพาร์ตเมนต์ และค้าปลีกขนาดเล็กและใหญ่ เพื่อรองรับธุรกิจ “กาสิโน” นับ 60 แห่ง หลังรัฐบาลฟิลิปปินส์ผ่อนปรนกฎการลงทุนอนุญาตให้ธุรกิจกาสิโนดำเนินการได้ ตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “POGO” โดยมีกลุ่มเป้าหมายอันดับหนึ่งก็คือ “ชาวจีน”

ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักบนถนนคีรีโน เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เยือนฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าอยู่ที่ 1.2 ล้านคนต่อปี นับตั้งแต่ปี 2015 สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของภาคธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าว และความสัมพันธ์อันดีระหว่างฟิลิปปินส์กับจีน เพราะเชื่อว่าธุรกิจกาสิโนจะช่วยการจ้างงานคนท้องถิ่นเพิ่มขึ้น

ความเป็นจริงธุรกิจกาสิโนกลับสร้างปัญหาให้กับคนท้องถิ่นมากกว่าที่คิด นิกเคอิเอเชียนรีวิวระบุว่า ปัญหาการจราจรในกรุงมะนิลาทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ได้จัดอันดับให้ “กรุงมะนิลา” เป็นเมืองที่รถติดมากที่สุดในเอเชีย

ทั้งนี้ “การจ้างงาน” กลายเป็น 1 ใน 3 ปัญหาใหญ่ที่สร้างความไม่พอใจให้กับชาวฟิลิปปินส์มากที่สุด โดยรายงานระบุว่า อุตสาหกรรมกาสิโนที่มีพนักงานเกือบ 500,000 คน ส่วนใหญ่กลับเป็น “ชาวจีน” ซึ่งทำงานอยู่ในตำแหน่งงานที่มีทักษะ และมีรายได้สูง ส่วนแรงงานฟิลิปปินส์กลับถูกจ้างงานในตำแหน่งไม่มีทักษะ หรือทักษะต่ำ เช่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คนขับรถ และแม่บ้าน

ปัญหาที่ 2 ก็คือ ราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่รอบ ๆ พื้นที่อุตสาหกรรมกาสิโนในกรุงมะนิลา พุ่งขึ้นราว 15% นับจากที่รัฐบาลเปิดให้ธุรกิจนี้ลงทุนได้ ซึ่งกระทบต่อค่าเช่าพื้นที่สำหรับธุรกิจของฟิลิปปินส์ด้วย ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายดูแลธุรกิจกาสิโนของบริษัท ลีชีล พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแทนท์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทจีนอีกหลายรายที่สนใจเข้ามาลงทุนในธุรกิจกาสิโน รวมถึงธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์อื่น ๆ คาดว่าจะส่งผลให้ราคาอสังหาฯเพิ่มสูงขึ้นอีก

“รอมเมล บันลาออย” ประธานสมาคมจีนศึกษาของฟิลิปปินส์ ได้กล่าวว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจของฟิลิปปินส์หลายราย เช่น ร้านโชห่วย และร้านอาหารขนาดเล็ก ในบริเวณถนนคีรีโน ต้องปิดกิจการลงเพราะธุรกิจกาสิโนที่ลงทุนโดยบริษัทจีน ส่วนใหญ่มีร้านค้าและบริการต่าง ๆ ภายในตัวอาคารกาสิโน

นอกจากนี้ ปัญหาการไหลบ่าของธุรกิจกาสิโนโดยบริษัทจีน รวมไปถึงแรงงานข้ามชาติชาวจีน กำลังสร้างความตึงเครียดทางสังคม โดยพบว่ามีชาวจีนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาอาชญากรรมในประเทศมากขึ้น ตั้งแต่การฟอกเงิน ไปจนถึงการค้าประเวณี ซึ่งในปี 2018 มีชาวจีนถูกจับทั้งหมด 649 คน เทียบกับปี 2016 ที่มีเพียง 69 คน

ข้อมูลของตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์เปิดเผยด้วยว่า เมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่งบุกค้นบาร์ไฮเอนด์แห่งหนึ่งในย่านธุรกิจมาคาติ ซึ่งรองรับลูกค้าชาวจีนเป็นส่วนใหญ่ พบว่ามีแรงงานผิดกฎหมายชาวจีนมากถึง 91 คน นอกจากนี้ยังมีหญิงชาวฟิลิปปินส์ที่ถูกกักขังบังคับให้ค้าประเวณี 4 ราย ส่วนอีกกว่า 20 รายเป็นหญิงชาวฟิลิปปินส์ที่สมัครใจทำงานนี้

รายงานของนิกเคอิฯระบุด้วยว่า ในแต่ละปีรัฐบาลฟิลิปปินส์มีรายได้ “ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต” จากการดำเนินธุรกิจกาสิโนมากถึง 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการปัญหาเหล่านี้ได้เร็ว

ทว่า สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าในระดับประชาชน ก็คือ ความรู้สึกต่อต้านชาวจีนที่อาจรุนแรงขึ้น เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในกัมพูชาเมื่อ 5 ปีก่อน โดยเฉพาะในพื้นที่ “สีหนุวิลล์” ซึ่งขณะนี้ได้กลายเป็นชุมชนชาวจีนแหล่งใหญ่ที่อาศัยและดำเนินธุรกิจกาสิโนในกัมพูชา