“ซอฟต์แบงก์” จับมืออินโดนีเซีย สร้าง “เมืองหลวงอัจฉริยะ”

(Photo by Handout / Indonesian Presidential Palace / AFP)

“กรุงจาการ์ตา” เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ที่ปัจจุบันรัฐบาลต้องเผชิญปัญหาที่แก้ไม่ตก ทั้งความแออัดของจำนวนประชากรในเมืองที่สูงเกือบ 30 ล้านคน ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก และความเสี่ยงจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกินพื้นที่ของเมืองจำนวนมาก ส่งผลให้ประธานาธิบดี “โจโก วิโดโด” ตัดสินใจประกาศแผน “ย้ายเมืองหลวง” ในปีที่ผ่านมา

“บลูมเบิร์ก” รายงานว่า ล่าสุด “ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป” บริษัทข้ามชาติสัญชาติญี่ปุ่น ผู้ลงทุนในกลุ่มธุรกิจสตาร์ตอัพรายใหญ่หลายราย ได้ประกาศจะร่วมลงทุนเพื่อสนับสนุนการสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ของอินโดนีเซีย

การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่“มาซาโยชิ ซัน” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของซอฟต์แบงก์ ได้เดินทางเข้าพบกับประธานาธิบดีวิโดโด เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพบกันครั้งที่ 2 ในรอบ 6 เดือน พร้อมเปิดเผยว่า ซอฟต์แบงก์จะร่วมลงทุนในการสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ของอินโดนีเซีย โดยออกแบบให้มีลักษณะเป็นเมืองอัจฉริยะ หรือ “สมาร์ทซิตี้” ที่มีการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ในการบริหารจัดการและอำนวยความสะดวกให้กับชาวเมือง รวมถึงมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย

รอยเตอร์สรายงานว่า ซีอีโอซอฟต์แบงก์เปิดเผยว่า “เรายังไม่ได้หารือกันในเรื่องเม็ดเงินลงทุนที่แน่นอน แต่สมาร์ทซิตี้แห่งใหม่ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เมืองที่สะอาด และเพียบพร้อมไปด้วยเอไอ เป็นสิ่งที่เราสนใจจะให้การสนับสนุน”

โดยการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนพัฒนาระบบรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และพลังงานหมุนเวียนในอินโดนีเซีย ซึ่งรัฐบาลมองว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาความแออัดและคุณภาพอากาศภายในเมือง จากประสบการณ์ในกรุงจาการ์ตาที่มีปริมาณรถยนต์บนท้องถนนมหาศาล ซึ่งส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัดหนาแน่นและสร้างมลพิษทางอากาศ

สำหรับแผนการสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ครั้งนี้ รัฐบาลอินโดนีเซียได้เลือกพื้นที่ประมาณ 2,560 ตารางกิโลเมตร ในเขตเปอนาจัมปาเซร์เหนือและเขตกูไตการ์ตาเนอการา ของจังหวัดกาลิมันตันตะวันออกบนเกาะบอร์เนียว ซึ่งใหญ่ประมาณ 4 เท่าของกรุงจาการ์ตา สำหรับงบประมาณสร้างเมืองหลวงใหม่จะอยู่ที่ 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรัฐบาลอินโดนีเซียได้กำหนดให้รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนร่วมลงทุนในสัดส่วนถึง 80% ของงบประมาณ

“ลูฮัต ปันด์จาอิตัน” รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักลงทุนจากชาติต่าง ๆ ทั้งจีน ตะวันออกกลาง และสหรัฐอเมริกา แสดงความสนใจการลงทุนในการสร้างและพัฒนาเมืองหลวงแห่งใหม่เป็นอย่างมาก

ขณะที่ “แอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต” รัฐมนตรีประสานงานด้านเศรษฐกิจระบุว่า รัฐบาลอินโดนีเซียจะมีการจัดตั้งคณะทำงานเร็ว ๆ นี้ เพื่อพิจารณาพันธมิตรด้านการลงทุน โดยเฉพาะการกำหนดขนาดการลงทุน ซึ่งจะมาจากการคาดการณ์จำนวนประชากรเริ่มต้นของเมืองหลวงแห่งใหม่นี้

ทั้งนี้ เมืองหลวงแห่งใหม่จะเริ่มการก่อสร้างในช่วงปลายปี 2020 คาดว่าจะเสร็จสิ้นพร้อมสำหรับการย้ายสำนักงานและสถานที่ราชการต่าง ๆ จากกรุงจาการ์ตา ในปี 2024 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของโจโก วิโดโด ที่ต้องการให้เมืองหลวงใหม่เป็น “เมืองอัจฉริยะและเขียวขจี” และช่วยกระจายความเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ปัจจุบันกระจุกตัวอยู่บน “เกาะชวา”

โดยภายในเมืองหลวงแห่งใหม่ถูกออกแบบให้เป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาระดับโลก โรงพยาบาลที่ทันสมัย สวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ รวมถึงระบบการคมนาคมขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยจะอนุญาตให้มีการใช้งานได้เฉพาะยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น

นอกจากการลงทุนสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่แล้ว ซอฟต์แบงก์ยังกำลังทำงานในโครงการสมาร์ทซิตี้ในพื้นที่เมืองเล็กทางตะวันตกของกรุงจาการ์ตา ในการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้ เช่น กล้องตรวจสอบการจราจรด้วยเอไอ ซึ่งพัฒนาร่วมกับ “พีที ลิปโป การาวาจี ทีบีเค” (PT Lippo Karawaci Tbk) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซียอีกด้วย