โรฮีนจาแฉความโหดร้ายของเจ้าหน้าที่พม่า จับมัดฆ่าโหดด้วยการ “เผาทั้งเป็น”

REUTERS/Simon Lewis

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม บรรดาผู้สื่อข่าวนานาชาติกลุ่มหนึ่งซึ่งเดินทางลงพื้นที่รัฐยะไข่ ประเทศพม่าเกือบ 2 วันเป็นครั้งแรกเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของพม่าทำทารุณกรรมต่อชาวมุสลิมโรฮีนจาในการกวาดล้างครั้งใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว พบชาวบ้านแฉแหลกถูกปราบปรามอย่างโหดร้ายทารุณ ทำให้สมาชิกครอบครัวหายสาบสูญ บางกรณีถึงขนาดจับผู้เป็นพ่อมัดโยนเข้าไปเผาทั้งเป็นพร้อมกับบ้าน เมื่อแม่ร้องเรียนก็ถูกจับกุม

ข่าวระบุว่า การกวาดล้างดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา โดยพม่าใช้ทหารจากกองทัพบุกเข้าไปในหลายหมู่บ้านในรัฐยะไข่ รวมทั้ง หมู่บ้าน จา กอง ตอง อำเภอ บูติดอง ในเมือง มองดอ ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ของชาวโรฮีนจา ต่อมาทีมสอบสวนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ซึ่งลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านได้รับข้อมูลกล่าวหาทหารพม่าว่า กระทำทารุณกรรมหลากหลายรูปแบบตั้่งแต่การรุมข่มขืนกระทำชำเรา, การทรมาน, เผาบ้าน และลงมือสังหารตามอำเภอใจ ซึ่งทำให้ปฏิบัติการดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ข้อมูลของยูเอ็นระบุว่า การกวาดล้างดังกล่าวทำให้ชาวโรฮีนจาในพื้นที่ราว 75,000 คนหลบหนีข้ามแดนไปยังบังกลาเทศ

ซาร์เบดา ชาวบ้านจา กองตอง วัย 30 ปีระบุว่า นอซี มุลเลาะห์ บุตรชายวัย 14 ปีของตนถูกจับกุมทั้งๆที่ไม่เคยรู้เห็น ไม่เคยเป็นผู้ก่อการร้าย นอซี เป็น 1 ใน เด็กชายวัยต่ำกว่า 18 ปี 13 คนที่ถูกจับกุมในการกวาดล้างดังกล่าวพร้อมกับชาวบ้านรวมทั้งหมด 423 คนที่ถูกจับภายใต้กฎหมายว่าด้วยการสมาคมโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยชาวหมู่บ้านจา กองตองระบุว่า คนจากหมู่บ้านถูกจับไปอย่างน้อย 32 คน ถูกฆ่าระหว่างการ กวาดล้างอีก 10 ราย หนึ่งในจำนวนนั้นคือบิดาของ ลัลมูติ ชาวบ้านวัย 23 ปี ที่หลงเหลือเพียงกองขี้เถ้าพร้อมกับบ้านพัก ลัลมูติระบุว่า พ่อถูกจับมัดแล้วโยนเข้าไปในบ้านจากนั้นจุดไฟเผาทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อมารดาของตนร้องเรียนเรื่องนี้กับทางการในเวลาต่อมาก็ถูกจับกุมในข้อหาแจ้งความเท็จ ถูกคุมขังนาน 6 เดือน จนทุกคนไม่กล้าแจ้งความเหตุทารุณกรรมใดๆอีก

 

ที่มา  มติชนออนไลน์