วิกฤตปัญหาของชนกลุ่มน้อยโรฮีนจา สร้างความกดดันแก่นางอองซานซูจีอย่างหนักหน่วง โดยล่าสุดการพบกันระหว่างเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) และนักการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ ในฟิลิปปินส์ ได้สร้างความกดดันนางซูจีมากขึ้นเรื่อยๆ
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวกดดันต่อนางซูจีว่า “ชาวมุสลิมพลัดถิ่นหลายแสนคนที่หลบหนีไปยังประเทศบังกลาเทศในตอนนี้ ควรได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับบ้านในเมียนมาด้วยความเต็มใจ”
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
“เลขาธิการได้ย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างในด้านมนุษยธรรม การเดินทางกลับประเทศด้วยความสมัครใจ รวมถึงความปลอดภัยและยั่งยืน ตลอดจนการปรองดองอย่างแท้จริงระหว่างชุมชนต่างๆ” คำแถลงของ UN ที่มีต่อผู้นำประเทศเมียนมา
ความเห็นของนาย กูเตอร์เรส มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ซูจีจะร่วมหารือกับ “เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นอกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกในกรุงมะนิลา
ทั้งนี้ สหประชาชาติ ได้ระบุว่า ทหารเมียนมานั้นมีส่วนร่วมในความพยายามที่จะให้เกิดการประสานงานอย่างเป็นระบบ เพื่อกำจัดชาวโรฮีนจาออกจากพื้นที่ ซึ่งความรุนแรงดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ให้สูญสิ้น อย่างไรก็ตามรัฐบาลเมียนมายังยืนยันว่า การปฏิบัติการของทหารในรัฐยะไข่เป็นเพียงการตอบโต้ความรุนแรงต่อกลุ่มติดอาวุธโรฮีนจาเท่านั้น หากกลุ่มหัวรุนแรงดังกล่าวไม่ทำการตอบโต้อย่างรุนแรง เหตุความเลวร้ายนี้จะไม่เกิดขึ้นและลุกลามจนถึงปัจจุบัน