รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน เสนอเเผน 3 ระยะช่วยเเก้วิกฤตความรุนเเรงในรัฐยะไข่ หลังชาวมุสลิมโรฮีนจากว่า 600,000 คนต้องอพยพลี้ภัยไปยังบังคลาเทศ
โดยนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ได้เสนอเเผนการระหว่างภารกิจเยือนบังคลาเทศเเละเมียนมา เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเเผนดังกล่าวเเบ่งเป็น 3 ระยะ ได้เเก่ 1) เริ่มจากจากหยุดยิงในรัฐยะไข่ เพื่อให้เกิดความสงบ ผู้คนจะไม่ได้อพยพเพิ่ม 2) เรียกร้องให้ประชาคมโลก ผลักดันบังคลาเทศเเละเมียนมา เจรจาหาทางออกที่เหมาะสม หลังจากบรรลุการส่งผู้อพยพกลับบ้านในเบื้องต้นเเล้ว เเละ 3) ร่วมหาทางออกระยะยาว เพื่อเยียวยาเเละบรรเทาความยากจน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ด้านโฆษกของกระทรวงต่างประเทศจีน ระบุว่าผู้นำบังคลาเทศเเละเมียนมา เห็นชอบในข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลจีนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะนำไปสู่การเเก้วิกฤตโรฮีนจาทั้งเเบบเฉพาะหน้าเเละระยะยาวได้
ขณะที่ นายเอ.เอช.มาห์มูด อาลี รัฐมนตรีต่างประเทศบังกลาเทศ เปิดเผยภายหลังหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศจีนว่า จีนเป็นมิตรประเทศที่จะเข้ามาช่วยเหลือ โดยไม่เข้าข้างฝั่งใด อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดถึงขั้นตอนการช่วยเหลือดังกล่าว
สำหรับการปราบกบฏในรัฐยะไข่ เริ่มต้นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวโรฮีนจาที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ต้องอพยพข้ามพรมเเดนลี้ภัยไปยังบังคลาเทศกว่า 600,000 คน ก่อให้เกิดกระเเสวิพากษ์วิจารณ์นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาเเห่งรัฐเมียนมา ผู้เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพว่าเพิกเฉยต่อวิกฤตความรุนเเรงนี้
โดยสหประชาชาติ ได้ระบุว่า ทหารเมียนมานั้นมีส่วนร่วมในความพยายามที่จะให้เกิดการประสานงานอย่างเป็นระบบ เพื่อกำจัดชาวโรฮีนจาออกจากพื้นที่ ซึ่งความรุนแรงดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ให้สูญสิ้น
อย่างไรก็ตามรัฐบาลเมียนมายังยืนยันว่า การปฏิบัติการของทหารในรัฐยะไข่เป็นเพียงการตอบโต้ความรุนแรงต่อกลุ่มติดอาวุธโรฮีนจาเท่านั้น หากกลุ่มหัวรุนแรงดังกล่าวไม่ทำการตอบโต้อย่างรุนแรง เหตุความเลวร้ายนี้จะไม่เกิดขึ้นและลุกลามจนถึงปัจจุบัน