- ฟรานเชส เหมา
- ผู้สื่อข่าวบีบีซี
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เริ่มออกเดินทางเยือนต่างประเทศด้วยตนเองเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี นับแต่โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก โดยมีกำหนดพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ท่ามกลางความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกที่ตึงเครียดต่อเนื่อง
ประธานาธิบดีจีนและรัสเซียจะพบปะและหารือกัน ระหว่างการประชุมสุดยอดระดับภูมิภาคในประเทศอุซเบกิสถาน แต่ทั้งรัฐบาลจีนและรัสเซียไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดว่า ทั้งคู่จะหารือเรื่องอะไรกันบ้าง
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
การประชุมสุดยอดของสองผู้นำ เกิดขึ้นในจุดเปลี่ยนผ่านสำคัญของทั้งคู่ โดยนายสี กำลังจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 3 ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างนายปูตินกับชาติตะวันตกกำลังดิ่งเหว จากการสั่งรุกรานยูเครน
ประธานาธิบดีสี จะเริ่มเดินสายเยือนต่างประเทศนาน 3 วันในวันนี้ (14 ก.ย.) เริ่มจากประเทศคาซัคสถาน จากนั้นจะเดินทางไปเมืองซามาร์แคนด์ ในอุซเบกิสถาน เพื่อเข้าร่วมการประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือ เอสซีโอ ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-16 ก.ย. โดยมีหลายประเทศในแถบเอเชียกลางเข้าร่วมประชุม รวมถึงอุซเบกิสถาน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน อิหร่าน อินเดีย และปากีสถาน ด้วย
องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ เป็นองค์กรทางการเมือง เศรษฐกิจ และความมั่นคง ที่ก่อตั้งขึ้นโดยจีน รัสเซีย คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน และอุซเบกิสถาน ในปี 2001 และล่าสุด อิหร่านได้แสดงเจตจำนงเข้าร่วมในกลุ่มองค์การนี้ด้วย
การประชุมจะเน้นที่การค้าระหว่างกัน ซึ่งจีนมีบทบาทสำคัญ ในฐานะผู้ลงทุนรายใหญ่ผ่านโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง หรือเส้นทางสายไหมยุคใหม่ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี
สิ่งที่จีนกำลังขับเคลื่อน คือ การเปิดเส้นทางรถไฟสายใหม่เพื่อเชื่อมไปค้าขายกับยุโรป ส่วนชาติเอเชียกลางต้องการเชื่อมโยงกับจีนให้มากขึ้น ยกตัวอย่าง คีร์กีซสถานประกาศจะเริ่มการก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมกับจีนและอุซเบกิสถานในปี 2023
ประธานาธิบดีจีนยังเดินทางออกต่างประเทศในช่วงที่จีนบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ระลอกใหม่ ตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ สวนทางกับทั่วโลกที่กำลังเปิดประเทศ และเข้าสู่ยุคหลังโควิด ด้วยการอยู่ร่วมกับโรคร้ายนี้
ผู้สังเกตการณ์วิเคราะห์ว่า การที่นายสีตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้ แม้สถานการณ์โควิดในประเทศยังน่าวิตก ทั้งการล็อกดาวน์และเศรษฐกิจที่กระทบหนัก แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของนายสีถึงภาวะผู้นำของตนเอง
รอยร้าวกับตะวันตกที่เพิ่มขึ้น
นายสีเดินทางเยือนต่างประเทศด้วยตนเองครั้งล่าสุด เมื่อเดือน ม.ค. 2020 โดยเดินทางเยือนเมียนมา หลังจากนั้นไม่กี่วัน รัฐบาลจีนสั่งล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่นจากการระบาดของโควิด นับแต่นั้น ผู้นำจีนอยู่แต่ในประเทศจีน เข้าร่วมประชุมผ่านออนไลน์ และเดินทางไกลสุดคือไปที่ฮ่องกง เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา
ส่วนนายปูตินนั้น ไม่ค่อยเดินทางออกนอกประเทศบ่อยนักเช่นกัน ครั้งก่อนหน้า คือการเดินทางเยือนกรุงเตหะรานของอิหร่าน เพื่อหารือกับผู้นำตุรกีและอิหร่าน เมื่อเดือน ก.ค. ถือเป็นการเดินทางเยือนต่างแดนครั้งที่ 2 นับแต่รัสเซียบุกยูเครน
อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีจีนและรัสเซียเคยหารือกันแบบพบหน้ามาแล้วในปีนี้ ระหว่างการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวในกรุงปักกิ่ง เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา โดยภายหลังการประชุมในปักกิ่ง ได้มีการออกแถลงการณ์ร่วมระบุว่า มิตรภาพของจีนและรัสเซีย “ไร้พรมแดน” ต่อจากนั้นไม่นานรัสเซียยกทัพบุกยูเครน ซึ่งรัฐบาลจีนไม่เคยแสดงการต่อต้านหรือประณามรัสเซียแต่อย่างใด
นักวิเคราะห์มองว่า การประชุมสุดยอดของผู้นำจีนและรัสเซีย มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ที่เข้มแข็ง ในช่วงที่ทั้งสองประเทศเกิดความตึงเครียดกับชาติตะวันตกมากขึ้น
ไม่เพียงแต่รัสเซีย ที่กำลังแตกหักกับชาติตะวันตก เพราะความสัมพันธ์ของจีนกับชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ไม่สู้ดีนักในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ จากปมไต้หวัน หลังนักการเมืองระดับสูงของสหรัฐฯ เดินสายเยือนไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่จีนประกาศมาตลอดว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
เมื่อเดือนที่แล้ว กองทัพจีนจัดการซ้อมรบใหญ่นาน 5 วัน ปิดล้อมเกาะไต้หวัน เพื่อตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
………..
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว