ชายอังกฤษที่ถูกรัสเซียจับเป็นเชลยสงครามหลังไปช่วยยูเครนสู้รบเผยว่า ได้รับการปฏิบัติจากรัสเซีย “เลวร้ายยิ่งกว่าสุนัข” และถูกขังเดี่ยวนานถึง 5 เดือน
นายเอเดน แอสลิน วัย 28 ปี จากมณฑลนอตติงแฮมเชียร์ถูกกองกำลังฝ่ายสนับสนุนรัสเซียจับตัวได้ขณะสู้รบในเมืองมาริอูโปล ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
เขาได้รับการปล่อยตัวให้กลับสหราชอาณาจักร โดยซาอุดีอาระเบียอ้างว่ารับหน้าที่คนกลางช่วยเจรจาให้รัสเซียและยูเครนแลกตัวเชลยศึก 10 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีชายอังกฤษรวมอยู่ด้วย 5 คน คือ นายแอสลิน นายจอห์น ฮาร์ดิง นายดีแลน ฮีลี นายแอนดรูว ฮิลล์ และนายฌอน พินเนอร์
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหราชอาณาจักรไม่ยอมยืนยันกระบวนการที่ช่วยให้ชาวอังกฤษกลุ่มนี้ได้รับการปล่อยตัว จนกระทั่งได้เดินทางกลับประเทศเมื่อ 21 ก.ย.
หลังจากเดินทางถึงอังกฤษ นายแอสลินให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะซันถึงความโหดร้ายที่ต้องเผชิญในขณะถูกคุมขังจากฝ่ายรัสเซีย
โดยหลังจากถูกจับกุมได้ นายแอสลิน นายพินเนอร์ และนายบราฮิม ซาดูน ชายสัญชาติโมร็อกโก ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีในดินแดนที่ประกาศตนเป็นสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และได้รับแจ้งว่าพวกเขาต้องเผชิญโทษประหารชีวิต
นายแอสลินเล่าว่าในช่วงที่ถูกคุมขังเขาถูกมีดแทงเข้าที่หลัง
“ตอนนั้นผมรู้ดีว่ามีโอกาสสูงที่ผมจะตาย” นายแอสลินเล่าย้อนความรู้สึกในขณะนั้น
เขาเล่าต่อว่า ในตอนนั้นผู้คุมชาวรัสเซียถามว่า “นายอยากตายอย่างรวดเร็ว หรือตายแบบศพสวย”
เมื่อเขาตอบว่าขอตายอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบกลับมากว่า “นายจะได้ตายแบบศพสวย และฉันจะทำให้แน่ใจว่ามันจะเป็นการตายที่สวยงาม”
เคราะห์ดีที่นายแอสลินมีชีวิตรอดมาได้ แต่เขาเผยว่าต้องถูกทุบตีเพราะมีรอยสักรูปตรีศูลซึ่งเป็นตราแผ่นดินของยูเครน และรอยสักอีกรอยที่เป็นสัญลักษณ์การเข้าร่วมสงครามในซีเรีย
นอกจากนี้ เขาเล่าว่านักโทษที่นั่นถูกบังคับให้ร้องเพลงชาติรัสเซียทุกเช้า “ถ้าคุณไม่ร้อง คุณจะถูกทุบตีเป็นการลงโทษ”
นายแอสลินซึ่งมีคู่หมั้นเป็นชาวยูเครนเล่าถึงสภาพความเป็นอยู่ในขณะนั้นว่า ในช่วงหนึ่งเขาถูกจองจำอยู่กับชายอีก 3 คนในห้องขังอันคับแคบสำหรับคนเพียง 2 คน และต้องนอนบนเสื่อที่เต็มไปด้วยตัวเรือด ก่อนที่เขาจะถูกจับแยกออกไปขังเดี่ยวในห้องขังขนาดกว้าง 1.2 เมตร ยาว 1.8 เมตรนาน 5 เดือน
“พวกเราไม่มีห้องน้ำให้เข้าเป็นกิจจะลักษณะ” เขาเล่า พร้อมอธิบายว่าต้องถ่ายทุกข์ลงในขวดเปล่า นอกจากนี้ ห้องขังยังมีหน้าต่างที่เปิดโล่งไม่สามารถป้องกันสภาพอากาศเลวร้ายจากภายนอกได้
ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้น นายแอสลินบอกว่าต้องประทังชีวิตด้วยเศษขนมปังกับน้ำเปล่านาน 3 สัปดาห์ จนในที่สุดต้องร้องขอดื่มน้ำประปาแก้ความหิวโหย
ในตอนหนึ่งนายแอสลินเล่าว่า ช่วงที่ถูกจับกุมได้ถูกฝ่ายรัสเซียเรียกตรวจหนังสือเดินทาง และเมื่อเขาตอบว่าตนเองเป็นพลเมืองอังกฤษ ก็ถูกต่อยเข้าที่จมูกอย่างจัง เขาบอกว่าโอกาสเดียวที่เขาจะได้ออกจากห้องขังคือการออกไปทำภารกิจถ่ายคลิปโฆษณาชวนเชื่อ และคุยโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร
นายแอสลินยอมรับว่า “ผมไม่เคยคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกมาได้”
เขาบอกกับเดอะซันว่า “เมื่อไม่ถึง 48 ชั่วโมงก่อน ผมถูกขังเดี่ยว และถูกปฏิบัติเลวร้ายยิ่งกว่าสุนัข แต่ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องบินกับผู้คนที่ไม่คิดร้ายกับผม”
….
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว