แม่ชาวอเมริกันที่ออกมาขอความช่วยเหลือจากนานาประเทศ เพื่อพยายามพาลูกสาววัย 8 ขวบ ที่ติดอยู่ในซาอุดีอาระเบียกลับสหรัฐฯ ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำแล้ว หลังถูกทางการจับกุมฐาน “ทำลายความสงบเรียบร้อย”
คาร์ลี มอร์ริส และลูกสาว ทาลา ติดอยู่ในซาอุดีอาระเบียมานานตั้งแต่ปี 2019 หลังอดีตสามีชาวซาอุฯ ชวนเธอและลูกสาวมาซาอุฯ เพื่อให้ได้พบปู่และย่าเป็นครั้งแรก ในเวลานั้น ตัวทาลา มีอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
แต่ทริปสั้น ๆ กลับกลายเป็นฝันร้ายเมื่อเธอพบว่าห้องโรงแรมที่อดีตสามีจองไว้ให้เธอและลูกสาวไม่มีทั้งหน้าต่าง หรือสัญญาณอินเทอร์เน็ตและสัญญาณมือถือ
คาร์ลี เล่าว่า หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น อดีตสามีขอหนังสือเดินทางและสูติบัตรของเธอไปโดยบอกว่าจะไปทำเรื่องวีซ่าให้ลูกสาวแต่จริง ๆ แล้วคือเขาไปทำเรื่องเปลี่ยนสัญชาติลูกสาวให้เป็นชาวซาอุดีอาระเบีย
ซาอุดีอาระเบียไม่อนุญาตให้คนถือสองสัญชาติได้ ดังนั้น ทาลา ซึ่งทั้งเกิดและโตในสหรัฐฯ จึงได้กลายเป็นชาวซาอุดีอาระเบียอย่างเดียว นั่นหมายความตามระบบผู้ปกครองที่ให้ชายเป็นใหญ่ของประเทศ ลูกสาวเธอไม่สามารถออกจากประเทศได้หากพ่อไม่เซ็นยินยอม
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คาร์ลี พยายามต่อสู้เพื่อสิทธิการเลี้ยงดูลูกสาว โดยเธอและลูกสาวอาศัยอยู่ในโรงแรม ต้องพึ่งพาอาหารกล่องและเงินจากอดีตสามีที่นำมาให้ ส่วนลูกสาวนั้น สามีจะมารับไปในช่วงเช้าและพากลับมาในช่วงค่ำ
ไบเดนช่วยไม่ได้
ครั้งหนึ่ง เธอระบุว่า อดีตสามีลักพาตัวลูกสาวไป หลังโกรธที่ทราบว่า เธอร้องขอความช่วยเหลือจากนานาประเทศ รวมถึงเขียนไปหาสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ เพื่อช่วยให้เธอพาทาลากลับสหรัฐฯ
คาร์ลี เปิดเผยว่า เธอแทบไม่ได้ออกจากโรงแรมเลย และแทบไม่มีใครได้เห็นหน้าเธอ นับแต่เธอเริ่มอาศัยอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้เมื่อ 3 ปีก่อน
สำหรับคดีความนั้น ศาลตัดสินว่า ทาลาควรกลับไปอยู่กับแม่ แต่ก็บอกนางมอร์ริสว่า เธอจะต้องไม่ออกจากเมือง และห้ามพาลูกสาวกลับสหรัฐฯ
บีบีซีติดต่ออดีตสามีของคาร์ลี เพื่อขอความเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาไม่ตอบกลับ
เธอเขียนไปหาทำเนียบขาวเพราะหวังว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะช่วยได้ ระหว่างการเดินทางมาที่กรุงริยาดในเดือน ก.ค. แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผล
ถูกตำรวจหลอกจับ ?
เดนิส ไวท์ แม่ของคาร์ลีที่อาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย แสดงความวิตกถึงความยากลำบากของลูกสาวและหลานสาว และมองว่า เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในซาอุดีอาระเบีย ให้ความช่วยเหลือไม่มากพอ
นางไวท์ ได้คุยกับลูกสาวเมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) และต้องตกใจที่ทราบว่า คาร์ลี ถูกทางการจับกุม หลังออกมาขอความช่วยเหลือต่อสาธารณชนและนานาประเทศผ่านทวิตเตอร์
นางไวท์ ระบุว่า คาร์ลีถูกตำรวจเรียกตัวไปสถานีตำรวจที่เมืองบูเรย์ดาห์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงริยาด ราว 320 กิโลเมตร ด้วยเหตุผลว่า บัตรประชาชนของอดีตสามีเธอมีปัญหา
คาร์ลี บอกกับตำรวจว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ก่อนที่ตำรวจจะบอกว่า เธอต้องมาสถานี เพราะชื่อของลูกสาวเธออยู่บนบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าว
หลังคาร์ลีเดินทางถึงสถานีตำรวจได้ 1 ชั่วโมง อดีตสามีเธอเดินเข้ามาและพูดคุยกับตำรวจ ต่อมา ตำรวจบอกกับคาร์ลีว่าเธอถูกจับกุม
คาร์ลีเล่าให้แม่ฟังว่า เธอถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำเปลื้องผ้า ใส่กุญแจมือ และตรวนเท้า โดยไม่รู้ว่า เธอถูกจับเพราะอะไร และจะเป็นอิสระเมื่อไหร่
คาร์ลี โทรศัพท์หามารดาในสหรัฐฯ หลังได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 9 พ.ย. เล่าว่า เธอได้กลับไปอยู่กับทาลาแล้ว ซึ่งในช่วงที่เธออยู่ในเรือนจำนั้น ทาลา อาศัยอยู่กับอดีตสามี
แต่ความสุขอยู่ได้ไม่นาน เพราะเมื่อคาร์ลีและลูกสาว เดินทางกลับไปห้องโรงแรม ที่เป็นบ้านชั่วคราวของเธอตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เธอพบว่า อาหารทั้งหมดในตู้เย็นหายไป เสื้อผ้าของทาลาก็หายไป เหลือเพียงชุดนอน และแทบไม่มีอะไรให้ใส่
ไม่เพียงเท่านั้น คาร์ลี ยังพบว่ากล้องวงจรปิดที่ถูกติดไว้นอกประตูห้องพักได้หายไปแล้ว ซึ่งเธอคาดว่า เจ้าหน้าที่โรงแรมคงคิดว่าเธอและลูกสาวจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว
ข้อมูลจากมูลนิธิสิทธิมนุษยชน (Human Rights Foundation) ในสหรัฐฯ ชี้ว่า คาร์ลีเป็นหนึ่งในแม่ชาวอเมริกันเกือบ 50 คนที่กำลังต่อสู้เพื่อพาลูกออกจากซาอุดีอาระเบียหลังจากไปแต่งงานกับชาวซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้ ยังมีแม่อีกหลายคนจากแคนาดา สหราชอาณาจักร และชาติตะวันตกอื่น ๆ ด้วย
เบธานี อัลไฮดารี ทำงานให้กับมูลนิธินี้ เธอเองก็มีประสบการณ์ตรงในการต่อสู้นาน 2 ปีในการพยายามพาลูกสาวออกจากซาอุดีอาระเบีย เธอบอกว่า ในปีที่ผ่านมา ไม่สามารถช่วยใครได้สำเร็จเลย เธอบอกว่าหลายคนไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลตัวเองเลย เบธานีบอกว่า รัฐบาลประเทศต่าง ๆ รวมถึงรัฐบาลสหรัฐฯ มักมีท่าทีประมาณว่า “คุณทำตัวเอง คุณน่าจะรู้ดีกว่านี้”
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงริยาด บอกบีบีซีว่า ให้ความสำคัญต่อสวัสดิภาพชาวอเมริกันสูงสุด และทางสถานเอกอัครราชทูตได้ติดต่อกับคาร์ลีและรัฐบาลซาอุดีอาระเบียอยู่เป็นประจำ
……….
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว