ชีวิตสาวใช้ของราชวงศ์และเศรษฐีในกาตาร์

 

maid collage illustration

BBC

บันทึกด้านสิทธิมนุษยชนของกาตาร์อยู่ภายใต้การตรวจสอบข้อเท็จจริง ในขณะที่การจัดแข่งขันฟุตบอลโลกที่โดฮากำลังดำเนินอยู่ มีรายงานออกมามากมายเกี่ยวกับการปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติที่สร้างสนามกีฬาและโรงแรม แต่สาวใช้ต่างชาติที่ทำงานให้กับชนชั้นปกครองของกาตาร์ยังไม่ได้รับการเขียนถึงมากเท่าไหร่หนัก เมกาฮ์ โมฮัน ผู้สื่อข่าวด้านเพศและอัตลักษณ์ของบีบีซีร่วมพูดคุยกับสาวใช้สองคนเกี่ยวกับชีวิตการทำงานอันยาวนานหลายชั่วโมงโดยไม่มีวันหยุด

ฉันติดต่อกับกลาดิส (นามสมมุติ) ในตอนดึก หลังจากที่นายจ้างของเธอจากชนชั้นสูงในกาตาร์เข้านอนแล้ว

จากในบทสนทนาผ่านช่องทางออนไลน์สั้น ๆ เธอบอกฉันว่าเธอทำงานตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 23.00 น. ในทุกวัน โดยเธอมีหน้าที่ทำความสะอาด ช่วยเตรียมอาหาร และดูแลเด็ก ๆ

เธอต้องกินอาหารที่เหลือจากมื้ออาหารของครอบครัวที่เธอรับใช้ และบอกว่าเธอไม่มีวันหยุดเลยตั้งแต่เริ่มทำงานมาเมื่อ 18 เดือนที่แล้ว

“นายหญิงของฉันบ้าคลั่งมาก” กลาดิส สาวใช้ชาวฟิลิปปินส์วัย 40 พูดถึงนายจ้างของเธอ “เธอตะคอกใส่ฉันทุกวัน”

ก่อนที่กาตาร์จะชนะการแข่งขันเพื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2020 แรงงานต่างชาติไม่สามารถเปลี่ยนงานหรือเดินทางออกนอกประเทศได้หากไม่ได้รับอนุญาตจากนายจ้าง กฎนี้ยังคงบังคับใช้อยู่ตามรัฐอ่าวอาหรับส่วนใหญ่จนถึงปัจจุบัน

ภายใต้การตรวจสอบข้อเท็จจริง กาตาร์เริ่มนำเสนอการปฏิรูป แต่ก็ไม่ได้นำไปใช้ในทางปฏิบัติเสมอไป

ตัวอย่างเช่น นายจ้างของกลาดิสได้ยึดหนังสือเดินทางของเธอไว้ ถ้าเธอขอคืนจากนายจ้างเพื่อที่จะออกนอกประเทศ เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะได้หนังสือเดินทางคืนหรือไม่

แต่กลาดิสยังคงรู้สึกโชคดี เธอกล่าวว่าอย่างน้อยเธอก็ได้รับอนุญาตให้เก็บโทรศัพท์มือถือไว้ใช้ได้ ซึ่งแตกต่างจากสาวใช้ต่างชาติคนอื่น ๆ นอกจากนี้เธอไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกายโดยนายจ้าง ซึ่งเธออธิบายว่าเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายสาวใช้ในกาตาร์เกิดขึ้นบ่อยเกินไป

มีเหตุผลอีกประการหนึ่งที่เธอต้องการทำงานกับนายจ้างคนปัจจุบันของเธออีกต่อไป เพราะเธอคิดว่าด้วยอายุที่ค่อนข้างสูงของเธอ มันไม่น่าเป็นไปได้ที่เธอจะได้งานอื่นที่ดีกว่านี้ โดยเธอมีรายได้ 1,500 กาตาร์ริยาลต่อเดือน (ประมาณ 13,800 บาท) และสามารถส่งเงินทั้งหมดกลับบ้านเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของเธอได้

สิทธิของคนทำงานรับใช้ในบ้าน

  • มีแรงงานที่ทำงานรับใช้บ้านประมาณ 160,000 คนในกาตาร์ ตามข้อมูลประจำปี 2021 จากหน่วยงานวางแผนและสถิติของกาตาร์
  • ในปี 2017 กาตาร์ได้เริ่มแนะนำกฎหมายสำหรับคนทำงานรับใช้ในบ้าน ซึ่งในทางทฤษฎีมีการจำกัดชั่วโมงการทำงานไว้ที่ไม่เกิน 10 ชั่วโมงต่อวัน และกำหนดให้มีการหยุดพักระหว่างวัน มีวันหยุดประจำสัปดาห์ 1 วัน และวันหยุดพักร้อนแบบที่ยังได้รับค่าจ้าง
  • ในปี 2020 กฎหมายฉบับดังกล่าวยังแนะนำค่าแรงขั้นต่ำ และให้สิทธิแก่คนงานในการเปลี่ยนงานหรือเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ต้องขออนุญาต
  • อย่างไรก็ตามองค์กร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่ได้รับการปฏิบัติตามเสมอไป และการทำงานหนักเกินไป การขาดการพักผ่อน และการปฏิบัติต่อลูกจ้างอันเป็นการทารุณกรรมและทำให้เสื่อมเสียยังคงดำเนินต่อไป

โจอันนา คอนเซปซิออน จาก Migrante International ซึ่งเป็นองค์กรระดับรากหญ้าที่สนับสนุนแรงงานชาวฟิลิปปินส์ในต่างแดน กล่าวว่า หลายคนมักนิ่งเฉยเกี่ยวกับสภาพการทำงานที่ไม่ดี เพราะการหารายได้ให้ครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก

แต่เมื่อผู้ที่อยู่ในรัฐอ่าวอาหรับรู้สึกมั่นใจพอที่จะพูดคุยอย่างเสรี พวกเขามักจะพูดถึงการล่วงละเมิดอย่างร้ายแรง ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า นายจ้างของเธอจะกดหัวเธอลงไปในโถส้วมและไม่ให้อาหารและน้ำแก่เธอเมื่อเขาโกรธ

maid collage illustration

BBC

อัลเธีย (นามสมมุติ) มีภาพชีวิตของเธอในฐานะสาวใช้ในกาตาร์ที่ต่างออกไปมาก เธอทำงานให้กับราชวงศ์อัล ธานี เธอติดต่อบีบีซีผ่านวิดีโอคอลจากห้องใต้ดินของที่ประทับของราชวงศ์

เธอยิ้มสดใสและดูมีชีวิตชีวา เธออธิบายว่าพวกเขาให้โทรศัพท์ไอโฟน เสื้อผ้า เครื่องประดับ และรองเท้าที่เธอเองไม่มีกำลังมากพอที่จะซื้อได้หากว่ายังทำงานอยู่ในฟิลิปปินส์

เช่นเดียวกับในกรณีของกลาดิส ความยากลำบากในการทำงานหาเลี้ยงชีพที่บ้านเกิดทำให้เธอมาที่นี่

ขณะที่เราพูดคุยกัน คนรับใช้ในบ้านชาวฟิลิปปินส์คนอื่น ๆ ซึ่งนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ภายในบริเวณที่อัลเธียพักอาศัย กล่าวทักทายและเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในบทสนทนา

พวกเขามีห้องนอนเป็นของตัวเองและมีห้องครัวส่วนตัว ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญ สาวใช้ที่อัลเธียเห็นในติ๊กตอกและเฟซบุ๊ก โพสต์ขออาหารและอ้อนวอนให้ใครสักคนช่วยพวกเขาไม่โชคดีเท่านี้

“ฉันดูวิดีโอเหล่านั้นทางออนไลน์ตลอดเวลา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฉันรู้สึกโชคดีมาก” เธอกล่าว “สำหรับฉัน มันรู้สึกเหมือนได้อยู่ในเทพนิยายทุกวัน”

อย่างไรก็ตาม การทำงานในสถานที่ที่เธอกล่าวว่าเป็น “วังซินเดอเรลล่า” ที่มีเพดานสูงประดับด้วยโคมไฟระย้า ของเก่าฝังทอง โต๊ะประดับมุก และดอกไม้สดที่ตัดใหม่ ก็เป็นงานที่หนัก

วันทำงานโดยทั่วไปเริ่มต้นเวลา 6.30 น. เมื่อพนักงานเตรียมอาหารเช้าสำหรับครอบครัว อัลเธียจะเริ่มรับประทานอาหารได้เมื่อราชวงศ์ทรงเสวยเสร็จแล้ว หลังจากทำความสะอาดโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว พวกเธอจะทำความสะอาดห้องและจัดสถานที่ให้พร้อมสำหรับมื้อกลางวัน

“มันเป็นงานเบา ๆ เพราะพวกเรามีกันหลายคน” อัลเธียกล่าว

สาวใช้จะได้พักผ่อนในพื้นห้องของตัวเองระหว่าง 15.00 น. ถึง 18.00 น. จากนั้นเตรียมอาหารมื้อเย็น เมื่ออาหารเย็นสิ้นสุดลง งานของอัลเธียก็ก็ถือว่าเป็นการแล้วเสร็จ และสามารถออกจากบริเวณนั้นได้ตามสบายหากเธอต้องการ

ราชวงศ์ที่เธอทำงสานให้ไม่ยึดหนังสือเดินทางของเธอ แต่อัลเธียทำงานทุกวันรวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย เธอไม่ได้รับวันหยุดที่กฎหมายของกาตาร์ตามที่เธอควรจะได้ เว้นเสียแต่ว่าพนักงานเลือกที่จะลาออก มันเป็นราคาที่เธอต้องจ่ายเพื่อได้มาซึ่งเงินการสนับสนุนทางการเงินที่สำคัญแก่ครอบครัวของเธอ

แมรี่ เกรซ โมราเลส นายหน้าในกรุงมะนิลาที่จับคู่เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์กับแขกวีไอพีในอ่าวอาหรับ กล่าวว่าการทำงานให้กับพระราชวังเป็นงานที่ “น่าอิจฉา”

“พวกเธอมีสิทธิพิเศษมากมาย ครอบครัวนี้ใจกว้าง” เธอกล่าว และเธอแสดงความคิดเห็นที่สะท้อนถึงความยากลำบากที่สาวใช้อาจต้องเผชิญที่บ้านเกิดเพิ่มเติมว่า “สาว ๆ จะน้ำหนึกขึ้นในขณะที่ทำงานอยู่ในวัง ครอบครัวนี้เลี้ยงดูพวกเธอเป็นอย่างดี”

Portrait of recruiter Mary Grace Morales, in a collage with desert scenes

BBC
แมรี เกรซ โมราเลสกล่าวว่าสาวใช้ชาวที่ทำงานในกาตาร์ต้องมีความกระฉับกระเฉงและสวยงาม

แต่ราชวงศ์ก็มีข้อกำหนดเฉพาะบางอย่าง เธอเผย

“สาว ๆ ที่ถูกส่งไปทำงานให้กับราชวงศ์กาตาร์มีอายุระหว่าง 24-35 ปี และสวยมาก” นางโมราเลสกล่าว

เธอหยุดเพื่อมองดูหน้าจอที่ฉันจ้องมองเธอจากสำนักงานใหญ่ของบีบีซีในกรุงลอนดอน

“สวยกว่าคุณอีก” เธอพูดและยิ้ม

ต่อมาเธอส่งข้อความมาเพื่อขอโทษฉัน เนื่องจากลูก ๆ ของเธอได้ยินและบอกว่าเธอพูดจาไม่สุภาพ แต่ฉันรับรองกับเธอว่าฉันไม่ได้โกรธเคือง และอย่าพูดถึงเรื่องการจ้างคนเข้าทำงานตามรูปลักษณ์ของพวกเขา เพราะมันจะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในหลายประเทศ

“พวกเขาต้องอายุน้อยเพราะราชวงศ์กาตาร์ต้องการบุคคลที่มีความกระฉับกระเฉงสูงและมีสุขภาพดีที่สามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายของพระราชวังได้

“และผู้สมัครต้องสวย สวยมาก” เธอย้ำ

โจอันนา คอนเซปซิออน จาก Migrante International กล่าวว่าเธอหวังว่าเรื่องราวของอัลเธีย เกี่ยวกับการทำงานเป็นสาวใช้ของราชวงศ์จะเป็นความจริง แต่เสริมว่า “ไม่น่าเป็นไปได้ที่เราจะรู้ได้อย่างแน่นอน ในขณะที่เธอยังอยู่ในกาตาร์และทำงานให้กับครอบครัวที่มีอำนาจเช่นนี้”

เจ้าหน้าที่ในราชวงศ์บางคนบ่นหลังจากเดินทางออกนอกประเทศ ในปี 2019 คนงานชาวอังกฤษและชาวอเมริกัน 3 คน ผู้ทำหน้าท่าเป็นผู้คุ้มกัน ครูฝึกส่วนตัว และครูสอนพิเศษส่วนตัว ยื่นฟ้องร้อง ชีคา อัล มายาสซา บินต์ ฮามัด บิน คาลิฟา อัล ธานี และสามีของเธอ โดยกล่าวหาว่าพวกเขาถูกบังคับให้ทำงานหลายชั่วโมงโดยไม่ทำงานล่วงเวลา ครอบครัวปฏิเสธข้อกล่าวหาและอ้างสิทธิ์คุ้มกันทางการทูตเมื่อเอกสารถูกนำมาใช้ให้การในชั้นศาลที่นิวยอร์ก

“การรายงานและจัดการกับกรณีความรุนแรงและการล่วงละเมิด การขาดความปลอดภัยและอาชีวอนามัย และการขาดที่พักที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย” รูบา จาราดัต ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ประจำรัฐอาหรับกล่าว

ILO ระบุว่า กำลังทำงานร่วมกับกาตาร์เพื่อบังคับใช้กฎใหม่ที่รับประกันค่าจ้างขั้นต่ำ วันหยุดหนึ่งวันในแต่ละสัปดาห์ การลาป่วย และค่าล่วงเวลา แม้ว่าสิ่งนี้จะยังเป็น “ความท้าทาย”

อัลเธีย ผู้ที่ทำงานในวังให้กับราชวงศ์บอกว่าเธอมีความสุขแม้จะต้องทำวานเป็นเวลาหลายชั่วโมง

เมื่อเธอเข้านอน เธอจะส่งข้อความถึงพี่น้องหรือพ่อแม่ของเธอในฟิลิปปินส์ เธอมักจะรู้สึกคิดถึงบ้าน เพราะพระราชวังในเทพนิยายนั้นไม่ใช่บ้านของเธอ

อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ

“ฉันไม่สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้หากไม่มีงานนี้” เธอกล่าว

บีบีซีขอให้ราชวงศ์กาตาร์และสถานทูตกาตาร์ในลอนดอนแสดงความคิดเห็น แต่ไม่ได้รับคำตอบ

…..

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว