“โควิดเป็นศูนย์” ในจีน : คนไทยในปักกิ่งเล่า หลังคลายล็อก ผู้ติดเชื้อเพิ่ม ความกังวลไม่ลด

เช้าวันพุธที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อนชาวจีนเตือนให้จับตาการแถลงข่าวของกลไกร่วมป้องกันและควบคุมโควิด-19 ของคณะรัฐมนตรีจีนในช่วงบ่ายสาม ซึ่งพวกเขาบอกว่าจะเป็นการแถลงข่าว ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับสังคมจีนอย่างมาก

หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ชาวกรุงปักกิ่งไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิดเมื่อไปซื้อของตามซูเปอร์มาร์เก็ต อาคารสำนักงาน และสถานที่สาธารณะบางแห่งอีกต่อไป เห็นได้อย่างชัดเจนว่า รัฐบาลจีนตัดสินใจละทิ้งเป้าหมายโควิดเป็นศูนย์อย่างเงียบ ๆ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความพยายามรักษาหน้าของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้เคยประกาศจะยึดถือนโยบายนี้โดยไม่มีการผ่อนปรนใด ๆ

hospital queue
Reuters ประชาชนต่อคิวหน้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งเมื่อ 9 ธ.ค. ขณะที่เมืองหลวงของจีนเผชิญกับการระบาดของโควิดรอบใหม่

บ่ายวันพุธ หลังจากที่ฉันได้ฟังมาตรการผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ 10 ข้อ ก็คิดว่าคงได้เห็นภาพคนจีนในปักกิ่งออกมาเฮลั่นฉลองกันสนั่นเมือง ข้อความที่สำคัญที่สุดจาก 10 ข้อนั่นก็คือ ต่อไปนี้คนที่ติดเชื้อแบบอาการเบาหรือไม่มีอาการสามารถรักษาอาการที่บ้านได้

ข้อนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่ทั้งฉันและคนจีนส่วนมากกลัวที่สุดไม่ใช่การติดโควิด แต่เป็นการถูกนำตัวไปกักในสถานที่ที่รัฐจัดไว้ หรือที่ในภาษาจีนเรียกว่า 方舱医院 (fāngcāng yīyuàn) ที่เป็นสถานที่นอนรวมกัน เปิดไฟทั้งวันทั้งคืน และมีผู้ป่วยหลักพันแต่มีห้องน้ำเพียงหลักหน่วย

Field hospital
Getty Images โรงพยาบาลสนาม หรือ 方舱医院 (fāngcāng yīyuàn)

นอกจากนั้นอีก 1 ใจความสำคัญจากการแถลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็คือต่อไปจะไม่มีการปิดล็อกแบบเหมารวม แต่จะระบุเจาะจงเฉพาะบริเวณที่มีผู้ติดเชื้อจริง ๆ และหากมีการล็อกเต็มที่ก็จะไม่เกิน 5 วัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับฉันและคนในประเทศจีนส่วนใหญ่ เพราะในบางพื้นที่บางทีถูกล็อกนานกว่า 6 เดือน

หลังฟังการแถลงดังกล่าว ฉันก็คิดว่าการผ่อนคลายในครั้งนี้น่าจะเป็นการปลดล็อกในใจคนจีนและคนต่างชาติที่อยู่ในจีนจำนวนมากเหมือนกับที่ปลดล็อกในใจฉัน แต่เมื่อฉันถามเพื่อนคนจีนหลายคนว่ารู้สึกอย่างไร ทุกคนกลับพูดตรงกันว่า ประหลาดใจกับสิ่งที่รัฐบาลตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายและยังนึกไม่ออกว่าถ้าไม่มีการกำกับดูแลที่เข้มงวดของรัฐบาลแล้วเราจะเดินไปในทิศทางใด

“แกะ” เพิ่มขึ้นมาก

หลังจากการแถลงผ่านไป 1 คืน ในเช้าวันรุ่งขึ้นฉันพบว่าคนรอบข้างของฉันกลายเป็นผู้ติดเชื้อ หรือใกล้ชิดผู้ติดเชื้อจำนวนมาก สร้างความประหลาดใจให้กับฉัน เช่น ที่ทำงานของฉันซึ่งแทบไม่เคยพบผู้ติดเชื้อเลยตลอด 3 ปีที่ผ่านมากลับมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 4-5 คนจากต่างแผนกภายในช่วงข้ามคืน รวมถึงคนรอบข้างของเพื่อน ๆ ก็เริ่มกลายเป็นผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ภายในเวลา 2 วัน หลังการแถลง มีคนคาดการณ์ตัวเลขมากมาย บ้างก็เดาว่าในปักกิ่งน่าจะมีผู้ติดเชื้อถึงหลักแสน ในขณะที่ตัวเลขที่ทางการประกาศกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง

คนจีนจะมีคำเรียกผู้ติดเชื้อว่า “หยาง” ซึ่งคำนี้พ้องเสียงกับคำเรียกแกะในภาษาจีน ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาจะมี meme ที่ถูกเผยแพร่ออกมาในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนโดยเฉพาะคนในปักกิ่งว่าเราถูกแกะล้อมไว้หมดแล้ว เพราะตอนนี้ไม่ว่าหันไปทางไหนก็พบแต่ผู้ติดเชื้อ

ขาดแคลนเวชภัณฑ์

สิ่งที่ตามมาหลักจากพบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากก็คือตอนนี้ยาแก้ไข้ แก้ไอ แก้หวัด และชุดตรวจ ATK ขาดตลาดอย่างรวดเร็วในปักกิ่งจนถึงขั้นต้องมีการสั่งซื้อเวชภัณฑ์เหล่านี้และให้ส่งด่วนมาจากต่างเมือง ซึ่งฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่สั่งซื้อและรอคอยการมาของชุดตรวจ ATK อยู่หลายวันและเมื่อเห็นสถานการณ์ที่หนักขึ้นและจะกลับไปซื้อซ้ำก็ปรากฏว่าสินค้าหมดเสียแล้ว

ร้านค้ายังเหงา

ฉันได้มีโอกาสคุยกับ “สาลี่” เจ้าของร้านอาหารในปักกิ่ง โดยถามถึงบรรยากาศของร้านเธอในช่วงนี้ สาลี่บอกกับฉันว่าแย่ยิ่งกว่าช่วงล็อกดาวน์เสียอีก เพราะว่ากฏใหม่แม้หลายสถานที่จะไม่ต้องโชว์ผลตรวจโควิดแล้วแต่การนั่งรับประทานอาหารในร้านยังคงต้องโชว์ผลตรวจ 48 ชั่วโมง ตอนนี้สถานที่ตรวจโควิดในปักกิ่งก็ถูกปิดไปกว่าครึ่ง นอกจากจะหาที่ตรวจยากแล้ว ผลตรวจส่วนใหญ่ก็ยังไม่ออก และคนก็ยังคงไม่แน่ใจในมาตรการนี้ จึงแทบไม่มีลูกค้ามากินข้าวเลย และเท่านั้นยังไม่พอเมื่อพ่อครัวและแม่ครัวในร้านของเธอก็ดันมาติดโควิด ยิ่งตอกย้ำคำพูดของเธอที่ว่าแย่ยิ่งกว่าช่วงล็อกดาวน์เสียอีก

ผลตรวจไม่ออก

เมื่อฉันได้สอบถามจากคนจีนและต่างชาติหลายคนจึงได้รู้ว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในปักกิ่งตอนนี้ประสบปัญหาการตรวจโควิดแล้วผลไม่ออก แม้ว่าหลายสถานที่จะถูกผ่อนคลายด้วยการไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด แต่ก็ยังมีหลายสถานที่และหลายงานกิจกรรมรวมถึงออฟฟิศอีกหลายแห่งที่ยังต้องการผลตรวจโควิด ทำให้คนยังต้องไปตรวจโควิดอย่างน้อยก็ทุก 2 วัน

ส่วนสาเหตุที่ผลตรวจไม่ออกนั้น เนื่องมาจากว่าจีนยังใช้วิธีการตรวจแบบรวมหลอด คือใน 1 หลอด เก็บ 10 ตัวอย่างจาก 10 คน หากในหลอดนั้นพบผู้ติดเชื้อแม้เพียง 1 ตัวอย่าง ก็จะต้องเรียกทั้ง 10 คนมาตรวจใหม่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผลตรวจโควิดล่าช้าจนถึงไม่ออกเลยในที่สุด

ดูเหมือนปัญหาที่ตามมาหลังจากการแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาคงจะทำให้คนปักกิ่งเฮไม่ออก ภาพของการเฉลิมฉลองอาจยังไม่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ จนกว่าสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อจริงจะลดลง หรือมียาและชุดตรวจ ATK ที่เพียงพอกับความต้องการ

สุดสัปดาห์แห่งความหนาว และเงียบเหงา

ในช่วงสุดสัปดาห์นี้บรรยากาศความเงียบท่ามกลางอุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียสปกคลุมไปทั่วปักกิ่ง ย่านถนนคนเดินชื่อดังอย่าง หวังฝูจิ่ง หรือห้างสรรพสินค้าใหญ่อย่าง Solana  ในช่วงบ่ายวันเสาร์กลับเงียบเหงาและร้างไร้ผู้คน คนจีนและคนต่างชาติที่อยู่ในปักกิ่งส่วนมากยังคงกังวลกับการออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน  ฉันได้คุยกับ มีมี่ เพื่อนต่างชาติที่แต่งงานกับคนจีน เธอมีลูกเล็ก 2 คน มีมี่บอกกับฉันว่าพ่อแม่ของสามีไม่ได้ออกจากบ้านมาครึ่งปีแล้วและหลังจากมีมาตรการผ่อนคลายดังกล่าว พ่อแม่สามีของเธอถึงกับประกาศขอแยกห้องกับเธอหรือสามีหากมีใครต้องออกไปทำงานนอกบ้านและไม่อนุญาตให้เธอใกล้ชิดลูกเนื่องจากกลัวติดเชื้อ

แม้ติดเยอะ ก็หายไว

ท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ดูเหมือนเพิ่มมากขึ้น ทางการจีนได้ส่งนายแพทย์จง หนานซาน ออกมาให้ข่าว หลังหายหน้าไปจากสื่อของจีนอยู่พักใหญ่เนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายโควิดของรัฐบาล

หมอผู้ได้รับการขนานนามว่ามือปราบโควิดของจีน กลับมาปรากฏตัวในสื่อจีนอีกครั้ง เพียง 1 วันหลังรัฐออก 10 ข้อผ่อนคลาย โดยพูดถึงโควิดสายพันธุ์โอมิครอน BA.4/5, BF7  ว่าคนที่ติด 99% จะสามารถหายได้ภายใน 7-10 วัน คล้ายกับบอกเป็นนัยว่า “ไม่ต้องกลัวนะ เป็นง่าย ก็หายง่าย”

แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจว่าวิธีการนี้จะช่วยบรรเทาความกังวลของคนส่วนใหญ่ในปักกิ่งได้หรือไม่ก็ได้แต่หวังว่าคนปักกิ่งจะค่อย ๆ ลดความกังวล ปรับตัวและอยู่ร่วมกับโควิดได้เหมือนกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก

* “วนิดา” เป็นนามแฝงของหญิงไทยที่ทำงานในปักกิ่งมาเป็นเวลา 3 ปี เราไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอได้ เนื่องจากจะกระทบต่อการทำงานของเธอ

….

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว