เรารู้อะไรบ้าง เมื่อค้าปลีกยักษ์อังกฤษถูกฟ้องเพราะบังคับใช้แรงงานเมียนมาในแม่สอด

ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทยยังคงถูกสังคมโลกจับจ้องมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือ การใช้แรงงานที่ไม่เป็นธรรม

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. สื่อในสหราชอาณาจักรอย่าง เดอะ การ์เดียน ได้เผยแพร่รายงานพิเศษเกี่ยวกับบังคับใช้แรงงานเมียนมาอย่างไม่เป็นธรรมที่โรงงานผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปยี่ห้อ F&F ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านแม่กุ ต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยให้พวกเขาทำงาน 99 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

สินค้าที่ผลิตจากโรงงานดังกล่าว ประกอบด้วย กางเกงยีน เสื้อแจ็กเก็ต และเสื้อผ้าสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อส่งไปจำหน่ายในห้างค้าปลีกเครือข่ายของเทสโก ในไทยระหว่างปี 2560-2563

หน้าร้านเทสโก้

BBC

การจ่ายค่าแรงต่ำกว่ากฎหมายกำหนด และสภาพการทำงานที่ไม่เอื้ออำนวย กลายเป็นคดีฟ้องร้องในสหราชอาณาจักรอยู่ในขณะนี้ เมื่ออดีตคนงานกว่า 136 คน ที่เคยทำงานที่โรงงานสิ่งทอวีเคการ์เม้นท์ (VKG) ร่วมกันฟ้องร้องยักษ์ใหญ่ค้าปลีกในข้อหาประมาทเลินเล่อและให้ค่าจ้างไม่เป็นธรรม

วันที่ 20 ธ.ค. พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บังคับการตำรวจแห่งชาติได้ลงพื้นที่บ้านแม่กุ จ.ตาก เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงภายหลังมีรายงานข่าวดังกล่าว โดยเข้าตรวจสอบโรงงานของบริษัท ฮังไทยนิตติ้ง อินดัสเตรียล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานเดิมแต่เปลี่ยนเจ้าของรายใหม่

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวต่อสื่อมวลชนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นความเดือดร้อนของชาวเมียนมาเพราะพวกเขาหนีจากการสู้รบ และมาทำงานในโรงงานประเทศไทยใน อ.แม่สอด ที่มีการผลิตเสื้อผ้าส่งไปยังธุรกิจค้าปลีกของเทสโก

“คน 136 คนเดือดร้อนจริง ๆ เหตุเกิดตั้งปี 2560 – 2563 ซึ่งจากการที่ไปตรวจสอบ และสอบถามพนักงานที่อยู่มา 5 ปี ได้พบพิรุธ เรื่องเวลา และค่าจ้างที่มีปัญหา ซึ่งต้องแยกสอบสวนแรงงานทั้งหมด 136 คน หากมีความผิดก็จะต้องดำเนินคดีอาญา ส่วนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานว่ากันไปตามกฎหมายแรงงาน” รอง ผบ.ตร. กล่าว

เรื่องนี้มีสาระสำคัญอย่างไร บีบีซีไทยประมวลข้อมูลมา ดังนี้

เดอะ การ์เดียน ค้นพบพิรุธในคดีนี้อย่างไร

เว็บไซต์ เดอะ การ์เดียน รายงานผลการสัมภาษณ์อดีตแรงงานเมียนมาที่เคยทำงานที่โรงงานดังกล่าวจำนวน 21 ราย พบข้อมูลที่น่าสนใจ ประกอบด้วย

  • พวกเขาได้รับค่าจ้างราว 3 ปอนด์ต่อวัน หรือราว 127 บาทต่อวัน และต้องทำงานตั้งแต่เวลา 8.00 น.-23.00 น. ในแต่ละเดือนมีวันหยุดเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
  • คนงานส่วนใหญ่มักได้รับค่าจ้างวันละ 4 ปอนด์ (170 บาทต่อวัน) หรือได้รับตามปริมาณงานที่พวกเขาทำเสร็จ แต่ตามกฎหมายของไทยกำหนดค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่ 7 ปอนด์ (ราว 296 บาท) ต่อการทำงาน 8 ชั่วโมง
  • มีการทำงานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผลิตสินค้าทันล็อตใหญ่จาก F&F ในขณะที่พบว่า มีบางคนเหนื่อยล้า จนต้องนอนหลับคาจักรเย็บผ้า
  • พนักงานบางคนประสบอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะทำงาน คนงานหลายคนถูกต่อว่า ตะโกน ข่มขู่โดยผู้จัดการภายในโรงงาน หากพวกเขาไม่ทำงานนอกเวลาเพื่อให้สินค้าเสร็จทันตามคำสั่งซื้อ
  • ผู้ให้สัมภาษณ์หลายสิบคนเล่าว่า โรงงานเปิดบัญชีธนาคารให้กับพวกเขา แต่ได้ยึดบัตรเอทีเอ็มและรหัสผ่านไว้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้รับค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมาย แต่ในความเป็นจริงพวกเขาได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินสด
  • คนงานส่วนใหญ่จำเป็นต้องพึ่งพาโรงงาน VKG ในเรื่องสถานะแรงงานต่างด้าว และเอกสารการเข้าเมืองมักถูกเก็บไว้โดยโรงงานในลักษณะแรงงานขัดหนี้
  • สภาพความเป็นอยู่ในโรงงาน พวกเขาต้องอาศัยอยู่กันอย่างแออัดบนพื้นคอนกรีต สกปรก หลายคนบอกว่าที่พักไม่มีประตู มีเพียงแค่ผ้าม่านกั้นเท่านั้น

การฟ้องร้องเกิดขึ้นได้อย่างไร

น.ส. จิรารัตน์ มูลศิริ ทนายความคลินิกกฏหมายแรงงานแม่สอด เล่าถึงที่มาของคดีดังกล่าวว่า เรื่องนี้เกิดตั้งแต่ปี 2563 มีแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา จำนวน 136 คน เข้ามาร้องขอความช่วยเหลือที่คลินิกกฎหมายแรงงานแม่สอด

พวกเขาแจ้งว่า ต้องทำงาน 8 โมง ถึง 5 ทุ่ม บางครั้งถึงเที่ยงคืน ไม่มีวันหยุดตามประเพณี และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และทำงานวันหยุดยังไม่ได้ค่าแรงตามกฎหมายแรงงาน

เธอเล่าอีกว่า พวกเขายังได้รับการจ่ายค่าจ้างล่าช้า ไม่มีสลิปเงินเดือน เวลาเงินเข้าบัญชี ก็ถอนออกมาลำบาก เพราะไม่มีสมุดบัญชีอยู่กับตัว

ทางคลินิกกฎหมายแรงงานมีแผนการช่วยเหลือเพื่อหาแนวทางประนีประนอมโดยให้ลูกจ้างยื่นข้อเรียกร้องตามตาม พรบ.แรงงานสัมพันธ์ แต่นายจ้างรู้ก่อน จึงให้ลูกจ้างทำสัญญาใหม่

ห้างเทสโก้โลตัส

Getty Images
บริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเต็ม อดีตผู้บริหารค้าปลีกเทสโก้ในไทยก็ตกเป็นหนึ่งในจำเลยในคดีนี้ ปัจจุบันธุรกิจนี้เครือเจริญโภคภัณฑ์จะซื้อกิจการในเดือน ธ.ค. 2563

ทว่า ลูกจ้างไม่ยอมลงนามสัญญาใหม่ เพราะถ้ากรอกเอกสารลงนามแล้ว จะทำให้อายุงานขาดหายไป และเสียสิทธิ์ค่าชดเชย เมื่อไม่ลงนามนายจ้างก็ไม่ยอมให้ลูกจ้างเข้าโรงงาน ทางคลินิกแรงงานจึงพาลูกจ้างไปที่สำนักงานสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงานเพื่อยื่นคำร้อง โดยมีคำสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชย และจ่ายค่าสินจ้างที่มีการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม

อย่างไรก็ตาม น.ส. จิรารัตน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า กรณีที่เป็นข่าวเชื่อมโยงกับบริษัทแห่งหนึ่งนั้น ไม่ใช่ข่าวจากทางคลินิกแรงงานประเทศ แต่เป็นการทำงานของเครือการช่วยเหลือแรงงานในอังกฤษ

ส่วนเรื่องนี้อยู่ในชั้นศาลแรงงานของไทย โดยศาลแรงงานให้นายจ้างจ่ายค่าจ้าง และค่าชดเชย รวมกว่า 5 ล้านบาท แต่นายจ้างใช้สิทธิอุทธรณ์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวันที่ 19 ธ.ค. ว่า เรื่องนี้เป็นคดีฟ้องร้องในอังกฤษโดย Leigh Day บริษัทด้านกฎหมายในอังกฤษโดยมีผู้ฟ้องเป็นอดีตแรงงานต่างด้าว ที่ฟ้องร้องเทสโก้ รวมถึงบริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเต็ม ที่เป็นเจ้าของเครือข่ายค้าปลีกในไทยดังกล่าวจนถึงปี 2563 ก่อนที่เครือเจริญโภคภัณฑ์จะซื้อกิจการไป

นอกจากนี้ บริษัทตรวจสอบบัญชีอย่าง Intertek ของเทสโก้ยังเป็นหนึ่งในจำเลยอีกด้วย

เว็บไซต์ เดอะ การ์เดียน รายงานว่า ทนายฝ่าย Leigh Day มองว่า เทสโก้เป็นค้าปลีกขนาดใหญ่สร้างผลกำไรมากที่สุดบริษัทในอังกฤษ และลูกความกล่าวหาว่า บริษัทนี้ทำกำไรจากการจัดจ้างคนภายนอก (outsourcing) ที่รับค่าจ้างต่ำกว่าเกณฑ์ ทำงานเกินเวลากำหนด ภายใต้สภาพการทำงานที่ย่ำแย่

ปฏิกิริยาเทสโก และ VK ต่อเรื่องนี้เป็นอย่างไร

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานถ้อยแถลงของโฆษกของเทสโก้ว่า ข้อกล่าวหาที่ปรากฏในรายงานข่าวเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างมาก หากว่าพบว่าประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เราจะยุติความสัมพันธ์กับกลุ่มซัพพลายเออร์ดังกล่าวทันที

“การกระทำใด ๆ ที่ผิดต่อสิทธิมนุษยชนถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ แต่กับสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้างมา พวกเราจะดูแลจัดการอย่างดีเพื่อให้มั่นใจว่า พวกเขาได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสม และแรงงานเหล่านั้นจะต้องได้รับการเคารพในสิทธิมนุยชนและเสรีภาพ”

โฆษกของเทสโก้ยังเรียกร้องให้ซัพพลายเออร์จ่ายคืนค่าแรงตามที่พวกเขาสมควรจะได้รับ

ป้ายโลโก้

Reuters

ด้านบริษัท Intertek กล่าวว่า ยังไม่สามารถให้ความเห็นใด ๆ ในขณะนี้ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมาย

เดอะ การ์เดียน รายงานอ้างคำพูดของผู้บริหารโรงงาน VKG ว่า ก็ยังไม่สามารถให้ความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวเช่นกัน แต่ยืนยันว่า บริษัทได้ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานของไทย และพร้อมจะต่อสู้คดีในชั้นศาล

…..

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว