
นายเจ๋อ ชือ ลอป (Tse Chi Lop) ราชายาเสพติดแห่งเอเชียปราฏตัวในศาลออสเตรเลียครั้งแรกเมื่อ 22 ธ.ค. หลังจากถูกตำรวจสากลจับได้ที่สนามบินในกรุงอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์เมื่อ ม.ค. 2021
หลังต่อสู้ในศาลเนเธอร์แลนด์เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ในที่สุดชายชาวจีนสัญชาติแคนาดาวัย 59 ปี ก็กูกส่งตัวให้มาต่อสู้ข้อกล่าวหาในศาลออสเตรเลีย เขาเดินทางถึงสนามบินนครเมลเบิร์น ในออสเตรเลียเมื่อวันพฤหัสที่ 22 ธ.ค.
Australian police seek extradition of ‘Asia’s El Chapo’ after arrest at Amsterdam airport https://t.co/5hSE427pX0
— ABC News (@abcnews) January 24, 2021
นายเจ๋อถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในโลก และถูกนำไปเปรียบเทียบกับราชายาเสพติดชื่อดังชาวเม็กซิกัน จนได้รับการขนานนามว่า “เอล ชาโป แห่งเอเชีย”
เขาถูกตำรวจเนเธอร์แลนด์จับกุมเมื่อ 22 ม.ค. 2021 ตามหมายจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติของออสเตรเลีย (AFP) ที่มีการประสานงานกับองค์การตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล (Interpol)
- 15 เรื่องน่าตะลึงจากห้องพิจารณาคดี เอล ชาโป
- เอล ชาโป คือใคร
- เปิดประวัติ ปาโบล เอสโคบาร์ “ราชาแห่งโคเคน”
ขบวนการ “ซัมกอร์”
นายเจ๋อ ถูกขึ้นบัญชีเป็นหนึ่งในอาชญากรที่ตำรวจต้องการตัวมากที่สุดในโลก โดยเชื่อว่าเขาคือหัวหน้าแก๊ง “เดอะ คอมพานี” (The Company) หรือที่รู้จักในอีกชื่อคือขบวนการ “ซัมกอร์” (Sam Gor Syndicate) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายค้ายาเสพติดใหญ่รายใหญ่ที่สุดของโลกที่จัดหายาเสพติดส่งขายในหลายประเทศทั่วเอเชีย รวมถึงในประเทศไทย มูลค่ารวมปีละ 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2.1 ล้านล้านบาท)
ตำรวจออสเตรเลียเชื่อว่า “เดอะ คอมพานี” อยู่เบื้องหลังยาเสพติดราว 70% ที่ถูกลักลอบนำเข้าประเทศ ที่ประกอบไปด้วยเมทแอมเฟตามีน เคตามีน และเฮโรอีน ในรูปของห่อชา
ตำรวจตั้งข้อหาเขาว่าเกี่ยวพันกับการลักลอบนำเมทแอมเฟตามีนเข้าออสเตรเลียเป็นมูลค่า 4.4 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (93.4 ล้านบาท) ในช่วงปี 2012-2013 ในระหว่างการเข้าค้นบ้านหลังหนึ่งในนครเมลเบิร์น ตำรวจพบเงินสดกว่า 4 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย กระเป๋าแบรนด์หรู 99 ใบ และรถหรูลัมโบร์กินีสีเหลือง
ก่อนหน้านี้ ลือกันว่านายเจ๋อพำนักอยู่ที่มาเก๊า ฮ่องกง และได้หวัน ก่อนถูกจับกุม
เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และกล่าวหาตำรวจออสเตรเลียว่าอยู่เบื้องหลังการขับเขาออกจากไต้หวันไปแคนาดา โดยให้แวะพักที่เนเธอร์แลนด์เพื่อให้เขาถูกตำรวจสากลจับ
เขาเคยถูกจำคุกเป็นเวลา 9 ปี ในช่วงทศวรรษ 1990 ในสหรัฐฯ ในความผิดลักลอบนำเข้ายาเสพติด
ตำรวจออสเตรเลียแถลงเมื่อ 22 ธ.ค. ชายวัย 66 ปีที่ถือสัญชาติจีและอังกฤษจะต้องถูกดำเนินคดีคู่กับนายเจ๋อ ซึ่งชายผู้นี้ถูกทางการไทยส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนมาให้เมื่อ มิ.ย. ที่ผ่านมา
เปิดประวัติ เจ๋อ ชือ ลอป
บทความพิเศษของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2019 เรียกนายเจ๋อว่า “ชายผู้เป็นที่ต้องการตัวของตำรวจมากที่สุดในเอเชีย”
นายเจ๋อ มีชื่อเล่นว่า “ซัมกอร์” ซึ่งเป็นภาษาจีนกวางตุ้งที่แปลว่า “น้องชายคนที่สาม” เขาเกิดในมณฑลกวางตุ้งทางภาคใต้ของจีน และเมื่อโตขึ้นได้เข้าร่วมกลุ่ม Big Circle Gang ซึ่งเป็นแก๊งมาเฟียสามฝ่ายที่ก่อตั้งขึ้นโดยอดีตสมาชิกกลุ่มยุวชนแดง (Red Guards) ในช่วงสิ้นสุดการปฏิวัติทางวัฒนธรรม
ในเวลาต่อมา นายเจ๋อได้ย้ายไปอยู่ในฮ่องกง ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่ประเทศแคนาดา จากนั้นในปี 1998 นายเจ๋อถูกทางการสหรัฐฯ จับกุมในข้อหาค้าเฮโรอีน โดยหลังจากพ้นโทษในปี 2006 เขาได้เดินทางกลับมาทำธุรกิจมืดในเอเชีย
รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติที่ประเมินว่า เดอะ คอมพานี มีรายได้จากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน (สารกระตุ้นประสาทที่พบในยาเสพติดประเภทยาบ้าและยาไอซ์) เพียงอย่างเดียวมากถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 5.1 แสนล้านบาท) ในปี 2018
ข้อมูลจากตำรวจและการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ บ่งชี้ว่า เดอะ คอมพานี เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้การค้ายาไอซ์ (crystal methamphetamine) ในเอเชียเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัวในระยะหว่างปี 2014-2019 อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตเฮโรอีนรายใหญ่ของโลกด้วย
นายเจเรมี ดักลาส จากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ระบุว่า นายเจ๋อ เป็นอาชญากรรายใหญ่ในระดับเดียวกับบรรดาราชายาเสพติดที่มีเครือข่ายระดับโลกอย่าง นายฮัวคิน “เอล ชาโป” กุซมาน หัวหน้าแก๊งซีนาโลอา ซึ่งเป็นขบวนการค้ายาเสพติดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันถูกจำคุกในสหรัฐฯ และนายปาโบล เอสโคบาร์ อาชญากรชาวโคลอมเบียผู้ล่วงลับ เจ้าของฉายา “ราชาแห่งโคเคน”

ก่อนที่จะถูกจับกุมครั้งนี้ มีกระแสข่าวว่า นายเจ๋อ มักย้ายที่อยู่ไปมาระหว่างมาเก๊า ฮ่องกง และไต้หวัน
ความพยายามจับกุมนายเจ๋อครั้งนี้ เป็นความร่วมมือข้ามทวีปของหน่วยงานประมาณ 20 หน่วยจากหลายประเทศ โดยมี AFP เป็นแกนนำ โดยสื่อออสเตรเลียระบุว่าการจับกุมครั้งนี้ถือเป็น “ผลงานใหญ่ที่สุด” ในรอบ 20 ปี ของ AFP
……….
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว