ศาลเนปาล ปล่อย “อสรพิษ” ฆาตกรต่อเนื่องที่เคยก่อเหตุในไทย

 

ชาร์ลส์ โสภราช

Getty Images
ชาร์ลส์ โสภราช ให้การที่ศาลเนปาลก่อนคำตัดสินคดีแรกในปี 2004

 

ศาลฎีกาของเนปาลอนุญาตปล่อยตัวก่อนกำหนดชาร์ลส์ โสภราช ฆาตกรต่อเนื่องชาวฝรั่งเศสวัย 78 ปี ที่ชีวิตของเขาถูกเล่าผ่าน The Serpent ในชื่อไทย นักฆ่าอสรพิษ ละครของบีบีซีที่ถูกนำออกฉายทางเน็ตฟลิกซ์เมื่อปี 2021

ศาลฎีกาเนปาลมีคำสั่งปล่อยตัวโสภราชเมื่อ 21 ธ.ค. หลังจากที่เขาติดคุกมาแล้ว 19 ปี ในความผิดสังหารนักท่องเที่ยว 2 คน ในกรุงกาฐมาณฑุในปี 1975 และสั่งให้เขากลับไปฝรั่งเศสภายใน 15 วัน

โสภราช เกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวอีกหลายรายในทศวรรษ 1970 และถูกจำคุก 20 ปีในอินเดีย เหยื่อส่วนใหญ่ของเขาเป็นนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวชาวตะวันตกผู้แบกเป้เที่ยวในเส้นทางของชาวฮิปปี้ (พวกที่รัก อิสระเสรีภาพ ทั้งการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ยึดติดวัตถุ) ในอินเดียและไทย

ฆาตกรชื่อกระฉ่อนรายนี้ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต 2 ครั้ง ๆ ละ 20 ปี ในเมืองหลวงของเนปาล ฐานฆาตกรรมหญิงชาวอเมริกัน คอนนี่ โจ บรอนซิช และโลรองต์ แคริแยร์ เพื่อนร่วมทางชาวแคนาดาของเธอ

เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดในการพิจารณาคดี 2 คดี โดยครั้งล่าสุดในปี 2014 เมื่อเขาถูกตัดสินจำคุก 20 ปีในเรือนจำความมั่นคงสูงในข้อหาฆาตกรรมแคร์ริแยร์

แต่ศาลฎีกาของเนปาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวโสภราชในวันพุธที่ 21 ธ.ค. หลังจากทีมกฎหมายของเขายื่นคำร้องได้สำเร็จ โดยอ้างว่าเขาควรได้รับโทษจำคุกเนื่องจากอายุ 78 ปี และประพฤติดี

ชาร์ลส์ โสภราช

Reuters
ชาร์ลส์ โสภราช ท่ามกลางวงล้อมของเจ้าหน้าที่เนปาลที่หน้าศาลในกรุงกาฐมาณฑุ ปี 2011

 

บทบัญญัติในกฎหมายของเนปาลอนุญาตให้ผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดีและรับโทษจำคุกไปแล้ว 75% ของคำตัดสินได้รับการปล่อยตัว

“การขังเขาไว้ในคุกอย่างต่อเนื่องไม่สอดคล้องกับสิทธิมนุษยชนของนักโทษ” สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างคำตัดสินของศาลที่ยกเรื่องการรักษาโรคหัวใจเป็นประจำเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการปล่อยตัวเขา

ทนายความของเขาบอกว่าเขาจะได้รับการปล่อยตัวในวันพฤหัสบดี

โสภราช เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมกว่า 20 ครั้ง ในระหว่างปี 1972-1982 ซึ่งเหยื่อถูกวางยา รัดคอ ถูกทุบตีหรือเผา

เขาถูกขนานนามว่า “อสรพิษ” หรือ “นักฆ่าบิกินี่” จากความสามารถในการปลอมตัวเพื่อหลอกเหยื่อ ที่ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวอายุน้อย และการหลุดรอดเงื้อมือกฎหมายต่อมาได้กลายเป็นชื่อซีรีส์ยอดฮิตของบีบีซี และเน็ตฟลิกซ์ เกี่ยวกับนักฆ่า ซึ่งออกฉายในปี 2021

ก่อนหน้าการตัดสินโทษ 2 คดีในกาฐมาณฑุ โสภราชเคยติดคุกในอินเดียมาแล้วกว่า 20 ปี ฐานวางยาพิษนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสหลายคนบนรถบัส

ในช่วงเวลานั้นเขาหลบหนีออกจากคุกได้ในเวลาสั้น ๆ ด้วยการวางยาผู้คุม ภายหลังเขาอ้างว่าการหลบหนีเป็นอุบายเพื่อขยายโทษและหลีกเลี่ยงการถูกส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนมายังประเทศไทย ซึ่งเขาเป็นที่ต้องการตัวในข้อหาฆาตกรรมอีก 5 คดี

หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากอินเดีย โสภราช ถูกจับในข้อหาฆาตกรรมหญิงชาวอเมริกัน คอนนี่ โจ บรอนซิช หลังจากมีคนพบตัวเขาในคาสิโนในกรุงกาฐมาณฑุในปี 2003

ซีรีส์เล่าอย่างไร

ก้อง ฤทธิ์ดี นักวิจารณ์ภาพยนตร์ชื่อดังเขียนรีวิวซีรีส์ 8 ตอนนี้ไว้บนเว็บไซต์ sanook เมื่อ 13 เม.ย. 2021 ว่า ความเห็นต่อหนังชุดนี้แตกเป็นสองฝ่าย บ้างว่าสนุกสนานน่าติดตาม บ้างว่าเล่าเรื่องกระโดดไปมาจนงง แต่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่า The Serpent เป็นหนังฝรั่งที่สร้างภาพกรุงเทพย้อนยุคได้มีเสน่ห์และชวนมอง มากที่สุดในบรรดาหนังต่างชาติหลัง ๆ ที่เข้ามาถ่ายทำในไทย

The Serpent เล่าชีวิตของ ชาร์ลส์ โสภราช ผู้เกิดที่ไซง่อนในเวียดนามใต้ ไปโตที่ฝรั่งเศส และกลายเป็นนักต้มตุ๋นและฆาตกรที่ออกล่าเหยื่อในอินเดีย เนปาล ปากีสถาน และไทย ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1970 ช่วงเวลาของ “Hippie Trail” หรือเส้นทางเดินทางแสวงหาของพวกฮิปปี้ โสภราชใช้กรุงเทพเป็นฐานอยู่พักใหญ่ เช่าอพาร์ทเมนท์ชื่อ บ้านคณิต (แถวซอยศาลาแดง ที่ถูกรื้อสร้างเป็นคอนโดมิเนียมไปแล้ว) และหลอกลวงนักเดินทางทางจากยุโรปและอเมริกา มอมยา กักขัง และฆ่าตายไปหลายศพอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะหนีออกนอกประเทศและไปจนตรอกที่เนปาล The Serpent ถ่ายทำในไทยแทบทั้งหมด รวมทั้งฉากที่เกิดขึ้นในปากีสถาน และเนปาลด้วย

ก้องมองว่า โสภราชมีปมเรื่องตัวตน ด้วยความที่รู้สึกตัวว่าไม่ใช่ฝรั่ง ไม่ใช่เอเชีย เขาใช้ชื่อปลอม สร้างตัวตนใหม่ตลอดเวลา แถมยังเกลียดพวกฮิปปี้มาก และแสดงอาการของคนมีอาการทางจิตที่ต่อต้านสังคมและไร้ความรู้สึกผิดชอบ

อดีตตำรวจไทยว่าอย่างไร

วัสยศ งามขำ ผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรมของบางกอกโพสต์ เผยแพร่รายงานเมื่อ 16 พ.ค. 2021 ทางเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์ เกี่ยวกับบทบาทของตำรวจไทยในการทำคดีนี้

รายงานนี้ระบุว่า  พล.ต.ต.สมพล สุทธิมัย ข้าราชการเกษียณวัย 90 ปี คือตำรวจไทยในอินเตอร์โพล “ที่ดิ้นรนทำคดีจนสามารถทำให้ออกหมายจับแดง” จับโสภราช และแฟนสาว มารี-อองเดร เลอ แคลร์ (Marie-Andrée Leclerc) ชาวฝรั่งเศส-แคนนาดา จนในที่สุดตำรวจอินเดียสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้แม้ว่าในที่สุดจะไม่สามารถนำตัวกลับมาดำเนินคดีในเมืองไทย เพราะโสภราชถูกโทษจำคุกตลอดชีวิตอยู่ในเรือนจำเนปาล ในขณะที่แฟนสาวของเขาเสียชีวิตไปนานหลายสิบปีแล้วด้วยโรคมะเร็งในเรือนจำแคนนาดา

รายงานของวัสยศระบุว่า แม้ พล.ต.ต.สมพล ไม่ใช่ตัวละครสำคัญในละครซีรีส์นี้ “แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ตำรวจไทยในสมัยนั้น ซึ่งถูกวิจารณ์ย่อยยับว่าเป็นวงการสีกากีที่เน่าเหม็นเต็มไปด้วยการทุจริต สามารถออกหมายจับแดงของตำรวจสากล เพื่อตามล่าโสภราช… และทำให้ อินเตอร์โพลไทย ก้าวสู่สังคมโลกอย่างเต็มรูปแบบเมื่อ 46 ปีก่อน”

พล.ต.ต.สมพล บอกว่า เริ่มทำคดีนี้ตอนที่มียศเป็น พ.ต.ท. ตำแหน่งเป็น รองผู้กำกับการตำรวจสากล เป็นหัวหน้าตำรวจสากล หลังรับทราบข่าวจากภรรยาที่ทราบจากเพื่อนว่า มีชาวต่างชาติหายตัวไป และมีข่าวว่ามีคนต่างชาติถูกฆ่าตายในกรุงเทพฯ 10 กว่าคน ซึ่งตอนนั้น “ตำรวจไทยไม่รู้เรื่องอะไรเลย”

จากการติดตามคดีแรกที่สาวไปคดีอื่น ๆ พร้อมข้อมูลที่มากพอ เขาจึงไปขอพบกับ พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น อธิบดีกรมตำรวจในสมัยนั้น แล้วได้รับมอบหมายให้เริ่มทำคดี และให้ตั้งเป็นคณะทำงานขึ้นมาสืบสวนสอบสวนมีตำรวจจากหลายหน่วยงานมาร่วมกัน ต่อมาเขาได้พบกับ เฮอร์แมน นิปเปนเบิร์ก เจ้าหน้าที่สถานทูตเนเธอร์แลนด์ ในไทยที่สืบสวนเรื่องนี้มาสักพัก และไม่ไว้วางใจตำรวจไทยในช่วงแรก เขาจึงไม่ไว้ใจ พล.ต.ต.สมพล ในช่วงแรก

“ตอนนั้นแสดงว่านิปเปนเบิร์กไม่แฮปปี้กับตำรวจไทยเลย เพาะก่อนหน้านี้ตำรวจไทยทำที่เริ่มทำคดีนี้แล้ว แต่แล้วก็ปล่อยตัว โสภราช ไป ซึ่งเราก็พบว่าตอนนั้นตำรวจกองปราบหละหลวม ไม่ตรวจสอบพาสปอร์ตของคนร้ายให้ดีเพราะเป็นพาสปอร์ตปลอม เอารูปมาปะไว้ จึงไม่สามารถยืนยันตัวตนคนร้ายได้ว่าเป็นใครกันแน่ จึงปล่อยตัวไปตำรวจยุคนั้นอาจจะไม่ค่อยมีความรู้ คงอาจจะเห็นว่าชื่อไม่ตรง แล้วก็ไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ โสภราช จึงถูกปล่อยไป” พล.ต.ต.สมพล กล่าว

เขามาทราบภายหลังว่า โสภราช ไปคุยกับคนที่มาเลเซียหลังจากหนีออกจากไทยไปได้เพราะว่าจ่ายเงินสินบนให้ตำรวจไทยไป จึงทำให้หลุดรอดคดีออกมาได้ก่อนที่หมายจับจะออกมามีผลทางกฎหมาย

พล.ต.ต.สมพล กล่าวว่า ในเวลาต่อมา นิปเปนเบิร์กได้มอบเอกสารทางคดีทั้งหมดให้กับเขา คดีก็เริ่มคืบหน้าสามารถหาพยานพิสูจน์จนพบว่าทั้งโสภราช และมารี-อองเดร มีความผิดจริงฐานฆาตกรรมชาวต่างชาติจำนวนมากในเมืองไทยก็ออกหมายจับแจกจ่ายไปทั่วโลก ตำรวจทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญกันติดตามไล่ล่า ส่วน โสภราช ก็หลบหนีออกจากเมืองไทยไปก่อนหน้า ใช้พาสปอร์ตปลอมเดินทางไปทั้งยุโรป และหลายประเทศในเอเชียใต้ ก่อนที่จะถูกจับกุมที่อินเดีย จนพ้นโทษออกมาก็เดินทางมาที่เนปาลและถูกจับกุมอีกครั้งเพราะฆ่านักท่องเที่ยวที่เนปาลด้วย

“ตอนนั้นเราเคยรู้สึกว่าอยากได้ตัวมาดำเนินคดีในไทย แต่มันไม่ได้แล้ว มันหมดอายุความแล้ว 20 ปี เราก็อยากได้ผมอยากได้สิ แต่เจ้านายบางคนต่อว่าผมซะอีกว่าจะไปเอามาทำไม เสียเงินเสียค่าใช้จ่าย ผมก็บอกว่าไม่ได้ครับท่านมันฆ่าคนในเมืองไทย ท่านไม่เชื่อผมก็ถามอัยการสิ ถามเขาดู ท่านก็ไปถามอัยการๆ ก็บอกว่า ไม่ได้ครับ ต้องเอามาให้ได้ แต่ในที่สุดก็เอามาไม่ได้ เท่าที่ผมรู้มาตอนเขาติดคุกที่อินเดียเขาอยู่อย่างราชามีเงินจ่ายเงินให้ผู้คุม เพราะเขาได้รายได้จากนักข่าวไปให้ตังค์มัน เพื่อขอประวัติเอามาเขียนประวัติ มันรวยเลย และมันก็กลัวกลับมาเมืองไทยมากทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้กลับมารับโทษที่เมืองไทย” พล.ต.ต.สมพล กล่าว

……

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว