พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศรับเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลั่นหน้าที่หลักคือ ดูแลชาติ ศาสนา สถาบันพระมหากษัตรย์กษัตริย์ และประชาชน ย้ำจำเป็นต้องใช้กฎหมายหลังจากบางฝ่ายบิดเบือนให้แตกแยก
“วันนี้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติก็ได้เสนอมาแล้วว่ายินดีสนับสนุนนายกฯ คือผมให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผมจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้นไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไป ให้เกิดความเสียหายหลายอย่างด้วยกัน” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลา 24 นาที ช่วงเช้า 23 ธ.ค.
- อิสราเอลยิงขีปนาวุธโจมตีโต้กลับอิหร่าน กระทบเที่ยวบิน ต้องระงับ-เปลี่ยนเส้นทาง
- เปิดประวัติ “กีรติ รัชโน” ปลัดกระทรวงพาณิชย์
- เสียงที่ “แบงก์ชาติ” ไม่ได้ยิน
นอกจากการประกาศเส้นทางทางการเมืองแล้ว พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวถึงประเด็นนี้ โดยชี้ว่า เหตุผลที่เข้าสู่การเมืองคือ อะไร พร้อมขอบางฝ่ายหยุดสร้างความแตกแยก บิดเบือนข้อมูล โดยเฉพาะสถานศึกษา ครู อาจารย์ ที่ฝ่ายความมั่นคงมีข้อมูล และชี้ด้วยว่า ส่วนหนึ่งมีคนอยู่เบื้องหลัง
“ผมขอเถอะครับ ผมขอเถอะในการที่เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศของเรา ไม่ใช่เปลี่ยนความคิดให้คนไม่มีความรับผิดชอบ ให้คนไม่เคารพครอบครัว ให้คนไม่เคารพครูบาอาจารย์ไม่เคารพกฎหมายอะไรเลย สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่อันตรายที่สุด ถึงท่านจะชนะไปท่านก็จะได้ประเทศที่เสียหาย ที่มันแตกเป็นชิ้น ๆ แล้วท่านจะมาประสานรอยร้าวกลับมาได้อย่างไร ผมขอร้องเถอะครับ หยุดกันเถอะครับ ไม่อย่างนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องใช้กฎหมาย ที่ผ่านมาก็ใช้กฎหมาย แต่กลไกทางกฎหมายมีกระบวนการของเขา…”
- รวมไทยสร้างชาติตั้งเป้ากวาด ส.ส. ใต้ยกภาค “หมดเวลาวัฒนธรรมเสาไฟฟ้า”
- กปปส.: ก้าวต่อไป 4 อดีตแกนนำ สร้าง “พรรคขวาใหม่” กับภารกิจ “หนุนลุงตู่”
- วิเคราะห์ : 7 ผลลัพธ์ที่ตามมา หาก ประยุทธ์-ประวิตร แยกทาง
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่าได้มีการพูดคุยกับ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แล้ว ซึ่ง พล.อ. ประวิตร และตนมีความเข้าใจซึ่งกันและกันไม่ได้โกรธเคืองหรือมีความขัดแย้ง แต่เพื่อให้การเลือกตั้งมีความชัดเจนทางการเมืองขึ้น พร้อมย้ำสายสัมพันธ์ของพี่น้องทหาร
“อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของทหารกับทหารด้วยกันมันลึกซึ้ง ลึกซึ้งยิ่งกว่าและผมก็จบมาก็อยู่ในการดูแลของท่าน และท่านก็เป็นผู้บังคับบัญชาของผมคนแรกในการที่ผมจบจากโรงเรียนในร้อยไปแวะรับราชการตั้งแต่ร้อยตรี จนกระทั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิตรับราชการมาจนถึงวันนี้ ความผูกพันอันนี้มันไม่มีใครลบล้างผมได้ ท่านเองก็รู้สึกเหมือนกันและท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร”
เมื่อถามว่าจะยังคงจับมือทางการเมืองกับ พล.อ.ประวิตร ต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งที่เป็นเรื่องปกติของการจับคู่ทางการเมืองเหมือนเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
พรรครวมไทยสร้างชาติจดทะเบียนจัดตั้งพรรคเมื่อ 31 มี.ค. 2564 โดยปรากฏชื่อในพื้นที่สื่อจากคำให้สัมภาษณ์ของนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เมื่อ 7 ก.พ. 2565 ซึ่งต่อมาเขาลาออกจากการเป็นสมาชิก รทสช. และย้ายเข้าพรรคไทยรักชาติซึ่งเป็นชื่อเป็นพรรคเทิดไทในเวลาต่อมา
หลังจาก พล.อ. ประยุทธ์ ประกาศตัวเป็นนายกฯ ในบัญชี พรรค รทสช. ช่วงเช้า สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า นายเสกสกล ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคเทิดไทแล้ว โดยมีเหตุผลที่จะไปรวมงานทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรค รทสช. ที่นายเสกสกล ร่วมก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่แรก
ปัจจุบันพรรค รทสช. มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และบุตรบุญธรรมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเลขาธิการพรรค
ด้านนายพีระพันธุ์ เปิดแถลงข่าวว่า ได้รายงานต่อกรรมการบริหารพรรคตามธรรมเนียมปฏิบัติ และเล่าความเป็นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงบ่าย หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนที่ พล.อ. ประยุทธ์ จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค
“เมื่อเช้าได้หารือกับท่าน และท่านก็ตัดสินใจเมื่อเช้า… พวกเราก็รู้สึกดีใจที่ท่านตัดสินใจมาร่วมงาน เพราะท่านเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าสำหรับประเทศ โดยเฉพาะด้านการเมือง” นายพีระพันธุ์ กล่าว พร้อมบอกว่า ที่สำคัญคือการทำงานเพื่อชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์
จากคำวินิจฉัยเสียงข้างมากศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งชี้ว่า พล.อ. ประยุทธ์ ยังมีอายุทางการเมืองเหลืออยู่อีก 3 ปี และหากถูกเสนอชื่อและได้รับเลือกเป็นนายกฯ ในสมัยหน้า จะทำให้เหลือเวลาดำรงตำแหน่งอีก 2 ปี จะเป็นอุปสรรคหรือไม่ นายพีระพันธ์ กล่าวว่า การทำงานให้กับชาติบ้านเมือง ไม่มีกำหนดเวลาว่ากี่ปี หาก พล.อ. ประยุทธ์ ได้รับเลือกจากประชาชน เชื่อว่า พล.อ. ประยุทธ์ สามารถใช้เวลานี้สร้างนักการเมืองรุ่นใหม่ขึ้นมาได้
“คนดี ๆ อย่างท่าน หนึ่งวันก็อยู่ได้ แล้วคำว่า อยู่สองปี สามปี สี่ปี ไม่ว่าจะกี่ปี ก็สามารถช่วยฟูมฟักสร้างนักการเมืองดี ๆ อย่างท่านขึ้นมาได้” นายพีระพันธ์ กล่าว
ส่วนรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ สำรอง นายพีระพันธ์ กล่าวว่ายังไม่ถึงเวลาและกรรมการบริหารพรรคยังไม่ได้หารือกัน
….
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว
