

- พระราชทานอภัยโทษ คดีทักษิณ ที่มาวาระอันเป็นมงคล วโรกาสสำคัญ
- หมอธีระวัฒน์ ชี้ งานวิจัยระบุ ชอบกินเนื้อสัตว์เสี่ยงตาย ไม่สูบบุหรี่ ออกกำลังกาย ไม่ช่วย
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
ตอนที่รัสเซียบุกรุกรานประเทศของเธอ เวโรนิกา อาฮาโฟโนวา เล่นเปียโนเพื่อกลบเสียงระเบิดโจมตี
ตอนเราเจอหญิงวัยรุ่นคนนี้ครั้งแรก เธอและแม่กำลังหนีออกจากเมืองคาร์คิฟในฐานะผู้ลี้ภัย ทิ้งทุกอย่างในชีวิตไว้เบื้องหลัง พวกเขากำลังอาศัยอยู่ในโรงแรมอย่างแออัดโดยปิดม่านและหวังว่าเครื่องบินรบรัสเซียจะมองไม่เห็นอาคารที่พวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่
เหมือนกับเด็กอีกหลายล้านชีวิต ชีวิตของเวโรนิกาเปลี่ยนไปตลอดกาลเมื่อสงครามครั้งนี้เริ่มต้นขึ้น
“นิกา” ซึ่งเป็นชื่อที่เธอชอบให้คนเรียกตัวเอง บอกฉันว่าเธอตื่นมาแต่ละวันด้วยความประหลาดใจว่าเธอและครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ก่อนหน้านี้ เธอเล่าว่าทุกครั้งที่สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นเธอต้องรีบไปหลบซ่อนในห้องใต้ดินที่ทั้งแออัดและหนาวเหน็บ เธอบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่ทำให้สะเทือนจิตใจมาก
สิบเดือนผ่านไป ตอนนี้นิกาอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรแล้ว และบอกว่าในที่สุดเธอก็นอนหลับสนิท
“ฉันต้องใช้เวลาเพื่อเข้าใจว่าตอนนี้ฉันอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัยแล้ว” เธอเล่าให้ฉันฟังตอนเราเจอกันเมื่อไม่นานมานี้ในอังกฤษ
ตอนนี้เธออยู่กับครอบครัวโฮสต์และกำลังเรียนหนังสือแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายที่โรงเรียนชาร์เตอร์เฮาส์อันโด่งดัง
ตอนนี้เธอเล่นเปียโนเพื่อหาความสุขเท่านั้น
“ฉันไม่ต้องได้ยินเสียงสัญญาณเตือนภัยทุก ๆ ชั่วโมง ไม่ต้องคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าระเบิดมาตกลงใกล้ ๆ” นิกา เล่า แต่ก็บอกว่ายังตกใจทุกครั้งเวลาได้ยินเสียงพลุ
“ฉันไม่คิดว่าจะลืมมันไปได้เพราะมันอยู่ในหัวฉัน แต่ฉันก็หวังว่ามันจะหายไป”
คาร์คิฟ เมืองบ้านเกิดของนิกา อยู่ใกล้กับพรมแดนทางเหนือของรัสเซีย และโดนถล่มโจมตีอยู่หลายเดือนก่อนที่ทหารรัสเซียจะถูกขับไล่ออกไปเมื่อเดือน ก.ย.

ตอนนี้เมืองกลายเป็นซากปรักหัก แต่ที่ใจกลางเมืองก็มีการจัดการเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดี ปัญหาใหม่คือมีบางช่วงที่ประชาชนไม่มีไฟฟ้า ไร้ความอบอุ่น และไม่มีน้ำใช้ อยู่หลายชั่วโมงติดต่อกัน หลังจากรัสเซียมุ่งโจมตีแหล่งพลังงานของยูเครนในช่วงฤดูหนาว
ตอนนี้ มีเพื่อนร่วมชั้น 8 คนจาก 28 คน เท่านั้นที่ยังอยู่ที่คาร์คิฟ และต้องเรียนหนังสือจากบ้านด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย อย่างไรก็ดี ครูของเธอที่ชื่อมาเรีย ไม่เคยหนีไปไหน ยังคงสอนหนังสือออนไลน์ให้เด็กที่กระจัดกระจายไปอยู่ทั่วประเทศหรือแม้กระทั่งคนที่ย้ายไปเมืองนอก
หากไฟดับ ครูของเธอจะใช้อินเทอร์เน็ตจากมือถือแทน จุดเทียน แล้วก็เดินหน้าสอนต่อ
“รัสเซียไม่รู้ว่าพวกเราเป็นใคร พวกเราแข็งแกร่ง เราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้” มาเรียบอกฉัน เธอน้ำตาคลอเวลาพูดถึงนักเรียน “ฉันแค่อยากจะสวมกอดพวกเขา”
- ชาติพันธมิตรทั่วโลกมอบอาวุธยุทโธปกรณ์แบบไหนให้ยูเครน
- สำรวจการใช้ “โดรนกามิกาเซ” ของทัพรัสเซียและยูเครน
- เจาะลึกศูนย์ประสานงานนานาชาติ จัดส่งอาวุธตามคำขอยูเครนได้อย่างไร

นิกาเองก็คิดถึงครูของเธอและเพื่อน ๆ ที่ร่วมทุกข์มาด้วยกัน
“คุณอาจจะได้รับความสนใจที่นี่[ในอังกฤษ] แต่คุณก็ยังโดดเดี่ยวเพราะไม่มีใครเข้าใจว่าฉันผ่านอะไรมา และฉันก็หวังว่าพวกเขาจะไม่มีวันเข้าใจ”
แม้ว่านิกาจะปรับตัวได้ดี นาตาเลีย แม่ของเธอ ยังไม่สามารถเลิกกังวลกับสถานการณ์ในยูเครนได้ เพราะแม่ของตัวเอง ทามารา ยังอยู่ที่บ้านไม่ยอมหนีไปไหน
ทามาราเหมือนกับคนสูงอายุชาวยูเครนหลายคนที่ไม่ยอมหนีไปไหนเพราะ “บ้านก็คือบ้าน”
“มันส่งผลต่อระบบประสาทฉันมาก” ทามารา เล่า ตอนที่บีบีซีเดินทางไปหา “แต่ฉันบอกตัวเองให้ตั้งสติไว้ว่าอีกไม่นานหรอก ลูกหลานฉันจะกลับมาในอีกไม่ช้า ฉันใช้ชีวิตเพื่อวินาทีนั้น แม้ฉันจะมีความสุขมากแล้วที่พวกเขาปลอดภัย”

สำหรับนิกาเอง ตอนนี้เธอยังไม่ได้คิดถึงอนาคตตัวเอง
“ฉันอยากได้บ้านกลับคืนมา ชีวิตเดิมกลับคืนมา แต่ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นฉันอาจจะอยากได้เสถียรภาพและความสงบ สร้างชีวิตฉันก่อนสำหรับตอนนี้ ใช้ชีวิตในฐานะวัยรุ่นไป”
“ฉันอยากให้ยูเครนได้เสรีภาพและความสงบกลับคืนมา ให้คนหยุดตายจากไปเสียที”
….
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว