พรปีใหม่ 2566 จากพระเจ้าอยู่หัว-นายกฯ-สังฆราช-ประธานศาลฎีกา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสอำนวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 แก่ปวงชนชาวไทย ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า

“เนื่องในวาระขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ข้าพเจ้าขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมาอำนวยพรแก่ทุก ๆ ท่าน ให้มีความสุขกาย สุขใจ มีสติปัญญาแจ่มใสและเข้มแข็ง ตลอดจนสุขภาพที่แข็งแรง ประสบแต่ความสุข ความเจริญโดยทั่วกัน

“คนไทยเรานั้นมีน้ำใจไมตรีต่อกัน ใส่ใจช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันเสมอมา ไม่ว่าจะมีเรื่องราวเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น เราคนไทยก็ต่างพร้อมจะร่วมมือร่วมใจกันปัดเป่าบรรเทาความทุกข์ยากเดือดร้อนของกันและกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลให้กำลังใจปลอบโยนซึ่งกันและกัน เพื่อให้ความทุกข์ยากนั้นผ่อนคลายและบรรเทาลง การที่เราทั้งหลายสามารถร่วมมือร่วมใจ รับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ของโรคระบาด หรือเหตุการณ์ภัยพิบัติใด ๆ ที่เกิดขึ้น

“เราคนไทยก็สามารถร่วมมือแก้ไขและป้องกันจนสถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น ผ่านพ้นและคลี่คลายไปได้ด้วยดี นั่นเป็นเพราะพื้นฐานจิตใจที่ดีงามของคนไทย ซึ่งมีความเมตตาเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน น้ำใจไมตรีอันทรงคุณค่าที่เราทุกคนมีให้แก่กันนี้ เปรียบเสมือนพลังอันยิ่งใหญ่ที่ผนึกเข้าด้วยกันเป็นกำลังสำคัญให้บ้านเมืองของเรานั้นมั่นคงดำรงอยู่และพัฒนาก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไปได้อย่างยั่งยืนถาวรตลอดไป

“ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ พร้อมด้วยพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จงคุ้มครองรักษาทุกท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และมีความสุข ความสำเร็จในสิ่งอันพึงปรารถนาตลอดศกหน้านี้ และตลอดไป”

พรสมเด็จพระสังฆราช

สำนักงานเลขานุการของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เผยแพร่พระคติธรรมที่ทรงประธานเนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ความว่า

“บัดนี้ บรรลุอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 เมื่อถึงวาระเถลิงศก เราทั้งหลายคงได้เห็นการแสดงน้ำใจไมตรีต่อกันอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การส่งบัตรอวยพร การขอขมาลาโทษ การกล่าวถ้อยคำอวยชัยให้พรแก่กัน การมอบของขวัญ เป็นต้น ล้วนเป็นกิริยาวาจาอันดีงาม สมควรแก่การอนุโมทนายินดี เพราะเป็นวิถีปฏิบัติซึ่งส่องสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ผู้เจริญ ในอันที่จะผดุงสันติสุขให้ดำรงอยู่ได้ในวงสังคมที่ตนอยู่ ซึ่งย่อมเป็นปัจจัยเสริมสร้างสันติสุขในระดับประเทศชาติ และในระดับโลก โดยอาศัยอานุภาพแห่งเมตตาธรรมเป็นเครื่องค้ำจุน

“ตามธรรมดาของสังคมซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายทางความคิด ความเชื่อ ตามทิฐิมานะของแต่ละปัจเจกบุคคล อาจเกิดความโกลาหล มีการกระทบกระทั่งกันบ้าง จนถึงขั้นเบียดเบียนประทุษร้ายกันเป็นปกติ ซึ่งล้วนเป็นสภาวะที่ไม่มีใครชอบ ไม่มีใครปรารถนา แต่ก็น่าแปลกที่คนเรา แม้รู้ทั้งรู้ว่าการคิด การพูด และการกระทำดี จักนำมาซึ่งผลดีทั้งแก่ตนและแก่ผู้อื่น กลับยังไม่สมัครใจเร่งขวนขวายในอันที่จะกระทำความดีให้งดงามไพบูลย์ยิ่งขึ้น โดยอาจเริ่มต้นด้วยการรักตัวตนของตนเองให้น้อยลง รักความชอบธรรมให้มากขึ้น ยิ่งถ้าพิเคราะห์ดูก็จะเห็นได้ชัดว่าการปฏิบัติตามศีลธรรมอันดีงามตามหลักศาสนา และตามหลักกฎหมายทางราชอาณาจักรนั้น ย่อมเป็นเหตุที่ให้คนดีรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจโดยประการต่าง ๆ เหตุฉะนี้ คนที่รักใคร่ในธรรม จึงมักเป็นผู้ร่มเย็นเองและนำความเจริญมาสู่ผู้อื่นอยู่เป็นนิตย์

“ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และคุณความดีที่ทุกท่านร่วมกันบำเพ็ญ เป็นปัจจัยนำพาสันติสุขมาสู่ประเทศชาติและประชาชน ดลความโสมนัสพระราชหฤทัย ให้บังเกิดมีในสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้าทั้งสองพระองค์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่อจักได้ทรงเพียบเพ็ญด้วยพระบารมี ทวีคูณพระราชธรรมจริยาคุ้มครองอาณาราษฎรตลอดกาล และขอปวงประชาชาติไทยจงภิญโญสโมสร ด้วยความสมัครสมานสามัคคี ประสบความสวัสดีเกษมศานต์ ตลอดพุทธศักราช 2566 นี้ โดยทั่วหน้ากัน เทอญ”

นายกฯ อวยพรปีใหม่ ชูผลงานรอบปี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวคำปราศรัยผ่านบันทึกเสียง ว่า เนื่องในศุภวาระขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2566 ขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังประชาชนชาวไทยทุกคน และขอเชิญชวนปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดดลบันดาลประทานพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงพระเจริญด้วยพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ มีพระราชประสงค์จำนงค์หมายสิ่งใด ขอจงสัมฤทธิ์ดังพระราชหฤทัยปรารถนา ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าแก่เหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบนิจนิรันดร์

“ปี พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาว่า ถือเป็น ‘ปีแห่งชัยชนะ’ ของประเทศไทยที่สามารถก้าวผ่านวิกฤตซ้อนวิกฤต ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั้งโลก โดยชัยชนะแรก คือ ชัยชนะเหนือสงครามโควิด ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนทั้งชาติ เอาชนะอุปสรรคนานัปการ เสียสละ อดทน และร่วมมือกันทำตามคำแนะนำ และมาตรการด้านสาธารณสุข จนสามารถกลับมาประกอบอาชีพ ใช้ชีวิต และไปมาหาสู่กันได้ แบบ New normal ซึ่งทั่วโลกให้การยอมรับ และถือเป็นโมเดลแห่งความสำเร็จหนึ่งของโลก รวมทั้งสามารถเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มากกว่าเป้าหมาย 10 ล้านคน

“ยิ่งกว่านั้นยังสามารถสร้างความเชื่อมั่น และประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ตลอดจนการประชุมที่เกี่ยวเนื่องอีกนับร้อยเวทีการประชุม และการเป็นเจ้าบ้านที่ดีของชาวไทยทั้งประเทศ ที่ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่ดี ต่อการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ อีกทั้งยกระดับบทบาทของไทยในเวทีโลกให้โดดเด่นขึ้น

“ชัยชนะต่อมา คือ ไม่เพียงประเทศไทยจะสามารถรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และลดผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในภาพรวม จากความขัดแย้งทางการเมือง และภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศในช่วงปีที่ผ่านมาแล้ว ไทยยังสามารถพลิกสถานการณ์ภาคเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังซบเซา โดยการส่งออกของไทยยังเข้มแข็งต่อเนื่อง การค้าขายก็เริ่มมีสัญญาณที่ดี การลงทุนยิ่งกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง และการท่องเที่ยวก็กำลังฟื้นตัวแรง ซึ่งเชื่อมั่นว่ากิจกรรมเหล่านี้จะเป็นเครื่องยนต์สำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปในปีหน้า และปีถัด ๆ ไป

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพลิกบทบาทของประเทศ ไปสู่ฐานการผลิตและส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV รวมทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นผลมาจากความชัดเจนในระดับนโยบาย การมียุทธศาสตร์ชาติระยะยาว และการเร่งรัดลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ๆ ของประเทศ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนความจริงใจของรัฐบาล และสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทยในสายตาชาวโลก

“ปีหน้าและต่อจากนี้ไปยังมีความท้าทายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ต้องเผชิญอีกหลายประการ รวมทั้งวิกฤตซ้อนวิกฤตข้างต้น ก็ยังไม่รู้ว่าจะยุติลงเมื่อใด แต่เชื่อว่าพลังแห่งความรัก ความสามัคคี ของทุกคน จะหนุนนำให้ชาติบ้านเมืองผ่านพ้นอุปสรรค และความท้าทายเหล่านั้นไปได้ด้วยดี มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน บรรลุตามเป้าหมายร่วมกัน ที่ได้กำหนดเอาไว้ โดยขอเชิญชวนให้ร่วมกันปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติอีกครั้ง คือ ประการแรก ยังคง “ไม่ประมาท การ์ดไม่ตก” เพื่อลดความเสี่ยง และเน้นการป้องกัน ไม่ให้โควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ซ้ำอีก”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด่วยว่า ไทยเป็น “เจ้าบ้านที่ดี” ต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ นักลงทุน จากทั่วโลก เพื่อให้ชาวต่างชาติรู้สึกประทับใจ อบอุ่น และปลอดภัย เมื่ออยู่เมืองไทย…เหมือนอยู่บ้านตนเอง และประการที่ 3 เป็น “พลเมืองที่ดี” โดยทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มศักยภาพ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศและสังคม ให้เจริญก้าวหน้าอย่างแข็งแกร่งต่อไป

“เนื่องในวาระอันเป็นศุภมิ่งมงคลขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย และอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกคนเคารพนับถือ อีกทั้ง เดชะพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โปรดดลบันดาลประทานพร ให้ประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกคน ประสบแต่สิ่งอันเป็นมงคล มีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากภยันอันตรายทั้งปวง มีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังสติปัญญา ที่เข้มแข็ง และขอจงสัมฤทธิผลดั่งใจ ในสิ่งพึงปรารถนาทุกประการโดยทั่วกัน”

ประธานศาลฎีกา อวยพรปีใหม่ และสรุปผลงาน

นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา ได้เผยแพร่คำกล่าวอวยพรปีใหม่ 2566 ดังนี้

“เนื่องในอภิลักขิตสมัยขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ผมและข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ร่วมกันน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานต่อคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล ตลอดจนพระบารมีแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ ได้โปรดดลบันดาลพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ให้ทรงพระเกษมสำราญพระบารมีแผ่ไพศาล สถิตเป็นมิ่งขวัญปกเกล้าเหล่าพสกนิกรชาวไทยตราบกาลนิรันดร์

“ในปีที่ผ่านมา ศาลยุติธรรมในฐานะองค์กรที่ใช้อำนาจอธิปไตยฝ่ายตุลาการ ทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรมในการพิจารณาพิพากษาคดี โดยให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม ดังที่เคยถือปฏิบัติตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย ดูแลสิทธิของผู้ต้องหาและจำเลย พัฒนากระบวนการในชั้นฝากขังและชั้นปล่อยชั่วคราวเพื่อลดการคุมขังที่ไม่จำเป็น

“นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการสร้างกลไกการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับคู่ความที่มีความพร้อมในการเข้าถึงระบบเทคโนโลยี ยิ่งไปกว่านั้น ศาลยุติธรรมยังได้วางแนวทางการบริหารจัดการคดีภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้แล้วเสร็จไปโดยเร็ว ส่งผลให้ในปี 2565 นับถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ศาลยุติธรรมทั่วราชอาณาจักรมีผลงานการพิจารณาพิพากษาคดีแล้วเสร็จได้ถึง 1,538,859 คดี ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 85.45 ของคดีทั้งหมดที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาพิพากษา

ประธานศาลฎีกา กล่าวย้ำนโยบายการบริหารราชการภายใต้หลักการ “รักศาล ร่วมใจ รับใช้ประชาชน” ว่า เพื่อมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือร่วมใจของบุคลากรศาลยุติธรรมทุกภาคส่วนในการปฏิบัติงาน โดยถือความต้องการของประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งมีแนวคิดว่า ประชาชนผู้มาติดต่อราชการจะต้องได้รับการอำนวยความยุติธรรมที่รวดเร็ว เป็นธรรม และทั่วถึง ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน โดยได้กำหนดแนวทางให้หน่วยงานในสังกัดศาลยุติธรรมวางแผนปรับเปลี่ยนระบบงานอย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลดความยุ่งยากในการติดต่อราชการ การปรับปรุงระบบการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ใช้งานได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

….

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว