ย้อนไปเมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 โทรศัพท์ดังขึ้น ปลายสายเป็นเสียงหญิงไทยวัยกลางคน ขอความช่วยเหลือให้ตามหาสามีของเธอ ชื่อ บุญชู ประวะเสนัง อายุ 67 ปี ที่ขาดการติดต่อไป
คนที่รับโทรศัพท์ภรรยาของบุญชู คือ น้องชายของ ฟาริดา มา คนไทยที่อาศัยอยู่ในเกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมายมาได้ 20 ปี และทำกิจการร้านอาหารไทยอยู่ในเมืองโพชอน จ.คยองกี
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
“พี่ไม่ได้รู้จักน้าบุญชูเป็นการส่วนตัว แต่พี่มีร้านอาหารไทยอยู่ในเมืองนี้” ฟาริดา เล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 “น้องคนหนึ่งวานให้ช่วยตามหา เพราะติดต่อแก (บุญชู) ไม่ได้มาสี่วัน”
ภรรยาของบุญชูวิตกกังวลถึงความปลอดภัยของสามีมาก เพราะปกติ บุญชูจะโทรศัพท์มาพูดคุยกับเธอหลายครั้งต่อวัน แทบไม่เคยขาดการติดต่อนานเช่นนี้
แต่การสูญหายของบุญชู กลับกลายเป็นคดีที่กำลังสะเทือนขวัญคนไทยในเกาหลีใต้ และฉายให้เห็นถึงสภาพการใช้ชีวิตที่ยากลำบากของ “ผีน้อย” ที่ยอมอาศัยในห้องพักสกปรก เพื่อหาเงินส่งเสียครอบครัวในไทย
ลุงบุญชู ผีน้อย 1 ทศวรรษ
บุญชู ปัจจุบันอายุ 67 ปี พื้นเพเป็นคน อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น เขาเดินทางมาทำงานและอาศัยในเกาหลีใต้แบบ “ผีน้อย” มา 10 ปีแล้ว ด้วยการเดินทางมาแบบนักท่องเที่ยว แล้วลักลอบอาศัยและทำงานอยู่ที่ฟาร์มหมูแห่งหนึ่ง ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองโพชอน ไปประมาณ 20 กิโลเมตร
ผีน้อย เป็นคำที่คนไทยใช้เรียกคนไทยที่ลักลอบทำงานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมาย โดยส่วนมากจะเดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์ท่องเที่ยว แล้วเมื่อเดินทางถึงก็จะหายตัวไป ไม่ได้เดินทางกลับไทย
แม้ ฟาริดา จะไม่รู้จักบุญชูอย่างใกล้ชิด แต่ด้วยความที่ชุมชนคนไทยในเมืองโพชอน มักช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ว่าจะคนที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย หรือ ผีน้อย ทำให้ได้ทราบเรื่องราวและอุปนิสัยของบุญชู พอสมควร
“นิสัยแกคือ เงินเดือนออกก็ส่งเงินกลับบ้าน” ฟาริดา บอกกับบีบีซีไทย พร้อมเสริมว่า บุญชู เพิ่งส่งเงินให้ภรรยาไปเมื่อวันที่ 21 ก.พ.
ดังนั้น เมื่อน้องชายได้รับสายจากภรรยาของบุญชู เธอจึงรู้สึกสงสัยในทันที เพราะบุญชู “พูดภาษาเกาหลีไม่ได้ ไปไหนก็ไปเองไม่ได้ เวลาจะส่งเงินกลับไทย ก็จะฝากให้คนรู้จักส่งให้ เวลาซื้อของก็จะซื้อจากรถพุ่มพวง ที่ผ่านมาจอดหน้าฟาร์ม”
หลังพยายามติดต่อบุญชูทางโทรศัพท์ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. ผ่านไปจนถึงวันที่ 4 มี.ค. 2566 เธอ น้องชาย และเพื่อนคนไทย รวมเป็น 4 คน จึงเดินทางไปที่ฟาร์มหมูนอกเมืองโพชอน เพื่อตามหาบุญชูด้วยตนเอง
คนหาย กลายเป็นศพ
วันที่ 4 มี.ค. ระหว่างเดินทางไปที่ฟาร์มหมูดังกล่าว ฟาริดา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “ประกาศหาคนหาย” โดยให้รายละเอียดว่า บุญชู ทำงานอยู่เกาหลีใต้มา 10 ปี และไม่เคยย้ายสถานที่ทำงานไปที่อื่นเลย
เมื่อฟาริดา น้องชาย และเพื่อน ๆ ไปถึงหน้าฟาร์มหมูแห่งนี้ จึงพบว่าเป็นฟาร์มปิด ไม่สามารถเข้าไปได้โดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อพยายามโทรศัพท์เข้าไปเพื่อสอบถาม ตามเบอร์โทรศัพท์บนป้ายชื่อฟาร์ม ก็ไม่มีคนรับสาย
บรรยากาศโดยรอบฟาร์มนั้น เป็นภูเขาที่ต้องขับรถลัดเลาะผ่านหลายโค้งจึงจะถึง และด้านหลังฟาร์มก็เป็นเนินเขาสูงเช่นกัน โดยสภาพฟาร์มแห่งนี้ที่เธอไลฟ์สด เมื่อเดินทางไปถึง อยู่ในสภาพที่ทรุดโซม ม่านพลาสติกที่ปกคลุมฟาร์มบางส่วนหลุดร่อนออกมา
“โอย เหมือนสายสืบเลย” ฟาริดา กล่าวในไลฟ์สด
เมื่อไม่มีใครรับสาย และประตูล็อคปิดแน่น พยายามตะโกนเรียกคน ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ พวกเธอจึงตัดสินใจขับรถออกไปแจ้งความที่โรงพักใกล้เคียง
ฟาริดาระบุว่า ตำรวจเกาหลีใต้ทำงานเร็วมาก โดยเมื่อรับแจ้งความแล้ว ผ่านไปไม่นาน เธอและเพื่อน ๆ ก็ขับตามรถตำรวจไปที่ฟาร์มแห่งนั้นอีกครั้ง
เมื่อไปถึง ตำรวจได้เข้าไปในฟาร์มหมูทันที ระหว่างที่ตำรวจทำหน้าที่อยู่นั้น ฟาริดา ได้โทรศัพท์คุยกับภรรยาของบุญชู คือ มะลิ ประวะเสนัง ที่อธิษฐานว่า “สาธุ ขอให้ลุงปลอดภัย”
มะลิ เล่าว่า ตอนที่โทรไปถามเถ้าแก่ฟาร์มว่า สามีของเธอหายไปไหน เถ้าแก่ตอบมาว่า “บุญชูหนีออกไปแล้ว” และเสริมว่า บุญชูสัญญาว่าสงกรานต์นี้จะกลับไปบ้าน
“เถ้าแก่ไม่ให้ความร่วมมือ ตำรวจก็เลยผิดสังเกต เข้าไปตรวจสอบ โดยอ้างใบแจ้งความของพวกพี่”
“ตำรวจมาเพิ่มอีก และน่าจะเจอศพตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. นั่นเลย เพราะรถฉุกเฉินมาเยอะมาก” ฟาริดา เล่าย้อนเหตุการณ์ พร้อมเสริมว่า ท่าทีของเถ้าแก่ (เจ้าของฟาร์ม) ที่มีชื่อว่า “คิม” มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่สนใจ พร้อมถือขวดเหล้าที่อ้างว่า บุญชูดื่มจนเมา ก่อนหนีออกไปจากฟาร์ม
ต่อมา สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง News Directory 3 และ Joongang รายงานว่า ตำรวจพบศพชายคนหนึ่งบนเนินเขาหลังฟาร์มหมูแห่งดังกล่าว หรือผ่านไปราวครึ่งวัน หลังฟาริดาและกลุ่มของเธอ แจ้งความคนหายกับตำรวจ
จุดที่พบศพนั้น อยู่ห่างจากฟาร์มราว 200 เมตร ใกล้กันประมาณ 100 เมตร ตำรวจพบรถแทรกเตอร์ของเจ้าของฟาร์มจอดอยู่ สภาพศพนั้น บุญชูอยู่ในชุดนอนและเสื้อกันหนาว
“เห็นว่าเอารถแทรกเตอร์ขนร่างขึ้นไปบนเนินเขา กองขี้หมู กองขี้วัวเต็มเลย ไม่ได้ขุดหลุมฝังนะ เอาขึ้นรถแล้วไปทิ้งบนเขา ทิ้งไว้อย่างนั้น ไม่มีอะไรปกปิดเลย” ฟาริดา เล่าย้อนคำพูดของตำรวจเกาหลีใต้ ที่ยังเล่าให้พวกเธอฟังอีกว่า ห้องพักของบุญชูในฟาร์มหมูสกปรกมาก
สิงหราช มอญขาม หนึ่งในคนไทยกลุ่มเดียวกับ ฟาริดา โพสต์ให้ข้อมูลเพิ่มว่า “เฒ่าแก่อ้าง ตกใจ จึงนำศพไปทิ้ง” แต่ทำไม “เงินหายพาสก็หายหรือ มีอีกคนที่เอาไป”
เบื้องต้น ตำรวจได้จับกุมนายคิม เจ้าของฟาร์มหมูแห่งนี้แล้ว และกำลังสอบสวนลูกชายเจ้าของฟาร์มว่า มีส่วนร่วมในการก่อเหตุหรือไม่ ขณะที่ ผลชันสูตรโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรม
“เถ้าแก่คงพยายามอำพรางศพ เพราะกลัวคดีจ้างแรงงานผิดกฎหมาย” ฟาริดา ตั้งข้อสันนิษฐาน
อย่างไรก็ดี ฟาริดา และกลุ่มของเธอ มีกำหนดให้ปากคำเกี่ยวกับการเสียชีวิตของบุญชู ในเย็นวันนี้ (8 มี.ค.)
ชีวิตในเล้าหมู
เว็บไซต์ข่าว Joongang รายงานอ้างอิงบทสัมภาษณ์ของเพื่อนคนไทยของฟาริดา ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับที่ไปตามหาบุญชูที่ฟาร์มหมูแห่งนี้
“เขาอยากกลับบ้านมาตลอด เพราะลุงแกป่วย” ลิริน (นามสมมติ) กล่าว พร้อมเล่าอีกว่า เมื่อภรรยาของบุญชูทราบข่าว เธอโศกเศร้ามาก และตัดสินใจจะเดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อรับศพ หากได้รับหนังสือเดินทางที่รีบไปทำมาแล้ว
บีบีซีไทยกำลังติดต่อภรรยาของบุญชู แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ
ตามข้อมูลที่กลุ่มคนไทยของฟาริดาให้กับตำรวจ และสื่อเกาหลีใต้ ระบุว่า บุญชู ตัดสินใจมาเกาหลีใต้ช่วงวัย 57 ปี เพราะสมัยนั้น มีค่านิยมว่า พอแก่ตัวแล้ว แต่อยากหารายได้ เกาหลีใต้ถือเป็นแหล่งหาเงินที่ดี และมีรายได้ต่อเดือนมากกว่าทำงานธนาคารถึง 1.5 เท่า
แต่เพราะบุญชู ขอวีซ่าทำงานในเกาหลีใต้อย่างถูกกฎหมายไม่ได้ ด้วยเงื่อนไขต้องอายุไม่เกิน 39 ปี เขาจึงเลือกมาเกาหลีใต้ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว แล้วกลายเป็น “ผีน้อย”
บุญชู มีหน้าที่ดูแลสุกรราว 100 ตัว กินนอนอยู่ในฟาร์ม ที่ตำรวจชี้ว่า สภาพความเป็นอยู่ของบุญชู “แย่ยิ่งกว่าหมูในเล้า” โดยภาพที่ผู้สื่อข่าวของ Joongang เข้าไปถ่ายมาได้นั้น ห้องพักของบุญชูสกปรก เต็มไปด้วยขวดน้ำ ถุงขยะ ผ้าห่มที่ไม่ได้ซักมานาน และเสื้อผ้ากระจัดกระจาย
แต่รายได้ของบุญชูถือว่าสูง สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า เขาทำงานไปได้ไม่กี่ปี เขาได้เงินเดือนละเกือบ 50,000 บาท
ตำรวจเกาหลีใต้เปิดเผยหลังชันสูตรศพว่า “ไม่มีข้อสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรม สันนิษฐานว่าเสียชีวิตจากปัญหาสุขภาพ และหัวใจผิดปกติ”
“เรากำลังสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอยู่” ตำรวจเกาหลีใต้ ระบุในแถลงการณ์
หมายเหตุ : ข่าว บีบีซีไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว
