เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถม เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ของสหรัฐฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน ในจำนวนนี้ 3 คนเป็นเด็กอายุเพียง 9 ขวบ ส่วนคนร้ายที่เป็นหญิงวัย 28 ปี พร้อมอาวุธครบมือ ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุ
เมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาในไทย (27 มี.ค.) หญิงวัย 28 ปี พร้อมอาวุธครบมือ ทั้งปืนไรเฟิลจู่โจม 2 กระบอก และปืนพกอีก 1 กระบอก ได้บุกเข้าไปในโรงเรียนคริสเตียน โคเวแนนท์ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมเอกชน ในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซีของสหรัฐฯ ก่อนก่อเหตุกราดยิง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
โฆษกตำรวจแนชวิลล์ แถลงข่าวว่า ผู้ก่อเหตุได้บุกเข้าไปในโรงเรียนจากประตูข้างโรงเรียน และเชื่อว่า ผู้ก่อเหตุเคยเป็นอดีตนักเรียนของโรงเรียนนี้
ตำรวจเปิดเผยชื่อผู้ก่อเหตุในเวลาต่อมาว่า ชื่อ ออดรีย์ เฮล และระบุว่า เป็นหญิงข้ามเพศ
ตำรวจยังระบุอีกว่า เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้น สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโรงเรียน เด็ก ครู และเจ้าหน้าที่โรงเรียน ต้องหนีตายและหลบซ่อนตัว
หลังได้รับแจ้งเหตุกราดยิงในโรงเรียน เมื่อเวลา 22.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย หรือ 15:00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตำรวจได้เร่งรุดไปยังโรงเรียนแห่งนี้ในเวลาเพียง 15 นาที และยิงต่อสู้กับคนร้าย ก่อนตัดสินใจยิงวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายในจุดเกิดเหตุ
ส่วนผู้เสียชีวิตนั้น ตำรวจยืนยันว่ามี 6 คน ในจำนวนนี้ 3 คน เป็นเด็กอายุ 9 ขวบ ส่วนอีก 3 คน เป็นพนักงานของโรงเรียนอายุ 60-61 ปี
ภาพที่ปรากฎในสื่อสหรัฐฯ แสดงให้เห็นเด็กเล็กจับมือกัน วิ่งหนีออกมาจากโรงเรียน เด็กหลายคนร้องไห้ ขณะที่เจ้าหน้าที่พาพวกเขาออกจากจุดเกิดเหตุ
ไม่เพียงเท่านั้น ตำรวจพบแผนที่โรงเรียนและแถลงการณ์ของผู้ก่อเหตุที่เชื่อมโยงกับเหตุกราดยิงในครั้งนี้ด้วย ภายหลังเข้าตรวจค้นบ้านของคนร้าย
จนถึงเวลานี้ ตำรวจกำลังสอบสวนแรงจูงใจการก่อเหตุอยู่ แต่จากหลักฐานที่พบในบ้านผู้ก่อเหตุพบว่า ผู้ก่อเหตุมีเป้าหมายที่สองในใจ แต่ตัดสินใจโจมตีโรงเรียนแทน เพราะเป้าหมายที่สองมีการรักษาความปลอดภัยที่สูงกว่า
เหตุกราดยิงภายในโรงเรียนเกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นอย่างน่าวิตกกังวลในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่การหาซื้อปืนนั้นทำได้ง่าย และประชาชนจำนวนมากมีปืนในครอบครอบ อย่างไรก็ดี กรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นผู้หญิง ถือว่าเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงการณ์ถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นว่า “เป็นเรื่องที่บ้าคลั่ง” และความรุนแรงจากอาวุธปืนกำลังฉีกทึ้ง “จิตวิญญาณ” ของประเทศ พร้อมร้องขอให้สภาคองเกรสผ่านกฎหมายห้ามจำหน่ายอาวุธปืนจู่โจม ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ในเหตุกราดยิงบ่อยครั้ง
“เหตุการณ์แบบนี้กำลังฉีกทึ้งชุมชนเป็นชิ้น ๆ ฉีกกระชากจิตวิญญาณของประเทศ” ไบเดน กล่าว
เมื่อปีที่แล้ว สหรัฐฯ เผชิญเหตุกราดยิงในโรงเรียน ที่เมืองอูวัลเด รัฐเทกซัส ซึ่งทำให้เด็กนักเรียนเสียชีวิต 19 คน และอาจารย์เสียชีวิต 2 คน
และในปี 2018 เกิดเหตุกราดยิงโรงเรียนในเมืองพาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา ทำให้นักเรียนเสียชีวิต 14 คน และพนักงานโรงเรียนเสียชีวิต 3 คน
พ่อแม่กระวนกระวายใจ
หลังเกิดเหตุ รถตำรวจและรถฉุกเฉินหลายสิบคัน จอดอยู่โดยรอบโรงเรียนแห่งนี้ ท่ามกลางประชาชนและผู้ปกครองที่มาเฝ้ารอว่า บุตรหลานของตนปลอดภัยหรือไม่
“ฉันคิดว่าจะเห็นอะไรแบบนี้แค่ในทีวี” เรโอดิกา บอกกับสำนักข่าวเอพี “ตอนนี้ มันเกิดขึ้นจริง ๆ”
เหล่าผู้ปกครองของเด็ก ๆ ในโรงเรียนแห่งนี้เล่าว่า พวกเขาต้องรอนานกว่า 1 ชั่วโมง กว่าจะได้ทราบว่าบุตรหลานของตนเองปลอดภัยหรือไม่
ซาราห์ ชูฟ นูแมน หนึ่งในผู้ปกครอง บอกกับบีบีซีว่า ต้องรอนานถึง 3 ชั่วโมง โดยที่ “ไม่รู้ว่าใครเสียชีวิตบ้าง… เราต้องรอลูก ๆ ของเรา”
นับแต่เริ่มปี 2023 มีเหตุกราดยิงที่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 4 คน เกิดขึ้นในสหรัฐฯ แล้วถึง 129 ครั้ง จากข้อมูลของ คลังข้อมูลความรุนแรงจากปืน หรือ Gun Violence Archive
และในปี 2023 ปีเดียว มีผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืนในอเมริกาแล้ว 38,000 คน โดยนับรวมผู้ที่ใช้ปืนฆ่าตัวตายด้วย
หมายเหตุ : ข่าว บีบีซีไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว