
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเหยียบกันตาย ระหว่างที่ฝูงชนกำลังรอรับเงินบริจาคในกรุงซานา ของเยเมน เพิ่มเป็นอย่างน้อย 85 คน บาดเจ็บอีกกว่า 300 คน ถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมเหยียบกันตาย ร้ายแรงที่สุดในรอบทศวรรษ
เหตุสลดครั้งนี้ เกิดขึ้นในเยเมน ซึ่งถือเป็นประเทศยากจนที่สุดในคาบสมุทรอาราเบีย ในช่วงก่อนถึงวันอีดิลฟิฎรี หรือวันเฉลิมฉลองการสิ้นสุดการถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน
ฝูงชนหลายร้อยคน ได้แออัดกันเข้าไปในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในกรุงซานา เพื่อรับเงิน 9 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 300 บาท ก่อนที่จะเกิดความโกลาหล และฝูงชนเหยียบกันตาย
กลุ่มฮูธี ระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตตอนนี้ เพิ่มเป็นอย่างน้อย 85 คน บาดเจ็บอีกกว่า 322 คน ในจำนวนนี้ เป็นผู้บาดเจ็บสาหัส 50 คน “ผู้หญิงและเด็กเสียชีวิตด้วยหลายคน” กลุ่มฮูธี บอกกับเอเอฟพี
กลุ่มกบฏฮูธี ปกครองกรุงซานา นับแต่ขับไล่รัฐบาลออกไปได้ในปี 2015 ในช่วงเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองนาน 8 ปีของเยเมน
ภาพจากสถานีข่าวท้องถิ่น แสดงให้เห็นผู้คนเบียดเสียดแออัด บางคนปีนก่ายขึ้นไปเพื่อพยายามออกไปจากพื้นที่ เบื้องต้น ทางการได้จับกุมผู้ที่อาจอยู่เบื้องหลังสร้างความตื่นตระหนก จนก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้แล้ว
ความโลภ หรือเสียงปืน
ประธานคณะกรรมาธิการปฏิวัติสูงสุด โมฮาเหม็ด อาลี อัล-ฮูธี ระบุว่า “ฝูงชนแออัด” เพื่อยื้อแย่งกันรับเงินบริจาค เป็นสาเหตุของเหตุเหยียบกันตายครั้งนี้
ผู้คนเบียดเสียดกันแน่น บริเวณถนนแคบ ๆ ที่นำมาสู่ทางเข้าด้านหลังของโรงเรียนที่กำลังมีการแจกเงินบริจาค ทำให้เมื่อประตูด้านหลังของโรงเรียนเปิดออก ผู้คนจึงยื้อแย่งกันกรูเข้าไป และลงบันไดไปยังลานกว้างภายในโรงเรียน
แต่ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนไม่คิดเช่นนั้น โดยผู้เห็นเหตุการณ์ 2 คนบอกกับสำนักข่าวเอพีว่า นับรบกลุ่มกบฎฮูธี เป็นผู้ยิงปืนขึ้นไปบนฟ้า เพื่อพยายามควบคุมฝูงชน แต่กระสุนปืนไปถูกสายไฟฟ้าที่พาดอยู่ด้านบน ก่อให้เกิดระเบิดเสียงดัง

เสียงระเบิดนั้น ทำให้ประชาชนแตกตื่น และนำมาสู่การเหยียบกันตาย
คนเยเมนกำลังอดอยาก
การสู้รบที่ยืดเยื้อระหว่างกลุ่มกบฏฮูธีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน กับฝ่ายพันธมิตรที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ทำให้ชีวิตของพลเรือนชาวเยเมนหลายล้านคนไม่เพียงจะตกอยู่ท่ามกลางอันตรายจากภัยสงคราม แต่ยังทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารรุนแรงด้วย จากการที่ฝ่ายพันธมิตรใช้วิธีการปิดล้อมพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏและโจมตีทางอากาศอย่างต่อเนื่อง
ยูเอ็นเคยเตือนว่า สงครามที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2015 ส่งผลให้เยเมนใกล้ล่มสลายในทุกด้าน ทั้งสงครามกลางเมืองไร้แววยุติ ประชาชนขาดแคลนอาหาร เกิดโรคระบาด ส่วนชาติมหาอำนาจต่างเพิกเฉยไม่ช่วยเหลือจริงจัง
จนถึงตอนนี้ การต่อสู้ระหว่างกบฏสองฝ่าย ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 150,000 คน และนำมาสู่วิกฤตด้านมนุษยธรรมร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในโลก
ยูเอ็นประเมินว่า มีชาวเยเมนกว่า 23 ล้านคน หรือกว่า 2 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
บทเรียนเหยียบกันตายโลก

ก่อนเกิดเหตุเหยียบกันตายในเยเมนครั้งนี้ โลกได้เห็นโศกนาฏกรรมเหยียบกันตายมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งล้วนเป็นบทเรียนถึงมาตรการควบคุมฝูงชนที่ล้มเหลว
- ต.ค. 2013 – เกิดเหตุเหยียบกันตายกลางเทศกาลทางศาสนาของชาวฮินดูในรัฐมัธยประเทศของอินเดีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 115 คน โดยเหยื่อส่วนใหญ่ถูกเบียดเสียดจนเสียชีวิต หรือจมน้ำ หลังประชาชนกว่า 20,000 คน แออัดกันขึ้นไปบนสะพาน ใกล้กับวัดที่กำลังจดเทศกาล
- ปี 2015 – เกิดเหตุเหยียบกันตายร้ายแรงที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาราเบีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,300 คน เป็นผลมาจากผู้แสวงบุญจากทั่วโลก ที่กำลังรวมพิธีฮัจญ์ จนเกิดการเบียดเสียด
- 2 ต.ค. 2022 – เกิดเหตุเหยียบกันตายภายในสนามกีฬา จังหวัดชวาตะวันออก ของอินโดนีเซีย หลังตำรวจยิงแก๊สน้ำตาใส่แฟนบอล จนเกิดความโกลาหล ยื้อแย่งกันออกจากสนาม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 135 คน รวมถึงเด็กมากกว่า 40 คน
- 29 ต.ค. 2022 – เกิดเหตุเหยียบกันตายกลางกรุงโซลของเกาหลีใต้ หลังประชาชนหลายพันคน แออัดกันบนซอยแคบ ๆ ในย่านอิแทวอน เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลวันฮัลโลวีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 150 คน
หมายเหตุ : ข่าว บีบีซีไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว