เหตุใดไอแซก นิวตัน ทำนายวันสิ้นโลกไว้ที่ปี ค.ศ. 2060 ?

WIKIMEDIA COMMONS เซอร์ไอแซก นิวตัน

หนึ่งในบรรดานักปราชญ์ผู้ได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ย่อมจะต้องมีชื่อของเซอร์ไอแซก นิวตัน ผู้ค้นพบแรงโน้มถ่วงและกฎการเคลื่อนที่ของวัตถุรวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

ภาพลักษณ์ของอัจฉริยะผู้เคร่งครัดในการใช้เหตุผลและวิชาคณิตศาสตร์ โดยนำมาอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ในจักรวาลได้อย่างกระจ่างชัดเจน ทำให้หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่า นิวตันก็เป็นผู้หนึ่งที่หลงใหลในการเล่นแร่แปรธาตุ (Alchemy) ซึ่งอาศัยแนวคิดทางไสยศาสตร์ รวมทั้งเคยทำอะไรเพี้ยน ๆ แบบไร้เหตุผลมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาขู่เผาบ้านแม่ หรือริอ่านนำเข็มมาทดลองจิ้มลูกตาของตัวเองเสียอย่างนั้น

แต่เรื่องที่ขัดแย้งกับภาพลักษณ์นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของนิวตันมากที่สุด เห็นจะได้แก่ความสนใจลับ ๆ เรื่องการถอดรหัสคำทำนายวันสิ้นโลกจากคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเขาเก็บซ่อนความหลงใหลนี้ไว้จากสายตาของสาธารณชนได้สำเร็จนานหลายร้อยปี ก่อนจะถูกเปิดเผยออกมาในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นี้เอง

เมื่อปี 1936 จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อก้องโลก ได้ซื้อกระดาษทดเก่าและผลงานของนิวตันที่ยังไม่เคยตีพิมพ์จำนวนหนึ่งจากสำนักประมูลซอธบีส์ (Sotheby’s) ก่อนจะพบว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งที่นิวตันบันทึกข้อความถอดรหัสจากคัมภีร์ไบเบิลเอาไว้ โดยเขาได้คำนวณและทำนายว่าโลกจะถึงกาลสิ้นสุดในปี ค.ศ. 2060

แผ่นกระดาษทดที่เซอร์ไอแซก นิวตัน ใช้เขียนทำนายถึงวันสิ้นโลก

HEBREW UNIVERSITY
แผ่นกระดาษทดที่เซอร์ไอแซก นิวตัน ใช้เขียนทำนายถึงวันสิ้นโลก

ข้อมูลที่นิวตันใช้เป็นพื้นฐานในการถอดรหัสและคำนวณดังกล่าว มาจาก “พระธรรมดาเนียล” (The Book of Daniel) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์ไบเบิลที่ว่าด้วยประวัติและคำทำนายของศาสดาพยากรณ์ดาเนียล ผู้นำชาวอิสราเอลขณะที่อยู่ใต้การปกครองของอาณาจักรบาบิโลนเมื่อหลายพันปีก่อน

ข้อความในกระดาษทดของนิวตันขึ้นต้นด้วยประโยคที่ว่า “ช่วงเวลาที่พยากรณ์ไว้ 2,300 วัน จะยังไม่มาถึงก่อนการบังเกิดขึ้นของเขาน้อยแห่งแพะตัวผู้ ทั้งไม่ได้มาถึงหลังการล่มสลายของนครเยรูซาเลมและวิหารของพวกท่าน โดยฝีมือชาวโรมันในค.ศ. 70”

อีกข้อความหนึ่งในช่วงท้ายของกระดาษทดยังแสดงวิธีคำนวณเอาไว้ว่า “อายุขัยแสนสั้นของสัตว์ร้ายที่กำหนดเป็นจำนวนวันนั้น หมายถึงการดำรงอยู่ของอาณาจักรที่กำหนดเป็นจำนวนปี ดังนั้นช่วงเวลา 1,260 วัน หากนับจากการบุกพิชิตอย่างสมบูรณ์ของสามกษัตริย์ในปี ค.ศ. 800 จะตรงกับปีค.ศ. 2060”

“เหตุการณ์นี้อาจมาถึงในภายหลัง แต่ข้าพเจ้าไม่พบเหตุผลข้อใดที่บ่งชี้ว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น”

หลักการตีความจำนวนวันที่ระบุในคัมภีร์ไบเบิล ให้เท่ากับจำนวนปีตามปฏิทินของยุคปัจจุบัน (day-year principle) ถือเป็นหลักการสำคัญที่บรรดานักประวัติศาสตร์และนักปฏิรูปการศาสนานิกายโปรเตสแตนท์ใช้ตีความรหัสนัยต่าง ๆ

อันที่จริงแล้ว นิวตันทำนายถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ (The Second Coming)

Getty Images
อันที่จริงแล้ว นิวตันทำนายถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ (The Second Coming)

สิ่งที่นิวตันเขียนไว้นั้นอ้างอิงถึงคำพยากรณ์เรื่องมหาสงคราม “อาร์มาเก็ดดอน” (Armageddon) ซึ่งจะเป็นการสู้รบระหว่างฝ่ายธรรมะและอธรรมในช่วงก่อนวาระสุดท้ายของโลกจะมาถึง โดยฝ่ายธรรมะจะได้ชัยชนะและนครเยรูซาเลมจะได้รับการฟื้นฟูบูรณะ ก่อนที่พระเยซูคริสต์จะเสด็จกลับมายังโลกอีกครั้งเพื่อทรงปกครองอาณาจักรแห่งสันติสุข

ด้วยเหตุนี้นักประวัติศาสตร์บางรายจึงมองว่า สิ่งที่นิวตันทำนายไว้ว่าจะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2060 นั้น ไม่ใช่อวสานของโลกเสียทีเดียว แต่เป็นการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ (The Second Coming) ซึ่งเป็นความเชื่อทางศาสนาที่ระบุไว้ในคัมภีร์ไบเบิลว่า จะต้องเกิดขึ้นก่อนที่เหตุหายนะล้างโลกจะมาถึงอย่างแท้จริง

คำทำนายของนิวตันสร้างแรงบันดาลใจอย่างใหญ่หลวงให้กับผู้ก่อตั้งคริสตจักรเซเวนต์เดย์แอดเวนทิสต์ (Seventh-day Adventis Church) ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา โดยคริสตจักรแห่งนี้ได้ทำการคำนวณเพิ่มเติมของตนเองโดยอาศัยแนวทางของนิวตัน

เซเวนเดย์แอดเวนทิสต์ได้เผยคำทำนายวาระการเสด็จกลับมาของพระเยซูไว้ว่า จะเกิดขึ้นในปี 1844 อย่างแน่นอน ซึ่งก็ปรากฏว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ทำให้สมาชิกของคริสตจักรแห่งนี้พากันเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “ความผิดหวังอันใหญ่หลวง” (The Great Disappointment)

ส่วนคำทำนายของเซอร์ไอแซก นิวตัน จะมีความแม่นยำขนาดไหนนั้น เราจะได้ทราบผลกันภายในอีก 37 ปีข้างหน้า


หมายเหตุ : ข่าว บีบีซีไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว