ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศว่าไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองฮ่องกงภายใต้รูปแบบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” เพราะเป็นระบบที่ดี และควรต้องรักษาเอาไว้ตราบนานเท่านาน
ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีที่ฮ่องกงกลับคืนสู่การปกครองของจีนวันนี้ (1 ก.ค.) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ปราศรัยว่า การธำรงไว้ซึ่งหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ในระยะยาวเป็นสิ่งจำเป็น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
รัฐบาลสหราชอาณาจักรส่งคืนเขตปกครองพิเศษฮ่องกงแก่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 1997 ภายใต้สัญญาว่า รัฐบาลจีนจะให้เสรีภาพและความเป็นอิสระแก่ฮ่องกงเป็นเวลา 50 ปี ภายใต้การปกครองแบบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ”
แต่คำกล่าวของสี จิ้นผิง ในวันนี้ ส่งสัญญาณว่า แนวทางการปกครองตามหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” จะดำเนินต่อไปอีกยาวนาน รวมถึงหลังถึงเส้นตายคำสัญญาที่จีนให้ไว้กับสหราชอาณาจักรในปี 2047
แม้หลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” จีนมีพันธะว่าต้องมอบเสรีภาพและอิสระในการปกครองฮ่องกง ทว่าผ่านมาครึ่งทาง หรือ 25 ปี รัฐบาลปักกิ่งกลับเพิ่มอำนาจการควบคุมเหนือเกาะฮ่องกงมากขึ้น เห็นได้ชัดจากการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในปี 2020
วันนี้เอง (1 ก.ค.) ประธานาธิบดีสีได้เป็นประธานในพิธีสาบานตนของจอห์น ลี ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคนใหม่ ที่มาจากการคัดสรรผ่านคณะกรรมการที่ส่วนใหญ่สนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่
จีนไม่ทำตามคำมั่นสัญญา
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐ โจมตีจีนว่าล้มเหลวในการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไม่สนใจเสียงวิจารณ์ โดยกล่าวว่า จีนทำทุกอย่างเพื่อปกป้องความมั่นคงและมั่งคั่งของฮ่องกง เช่นเดียวกับการรักษา “ผลประโยชน์ขั้นพื้นฐาน” ของจีนในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา
“หนึ่งประเทศ สองระบบ ผ่านการทดสอบและพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนแปลงระบบที่ดีเช่นนี้” นายสี จิ้นผิง กล่าว
การเดินทางเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของผู้นำจีนครั้งนี้ ยังถือเป็นการเดินทางออกนอกจีนแผ่นดินใหญ่ครั้งแรกในรอบ 2 ปีของประธานาธิบดีสี นับจากมีการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 เมื่อปี 2020 และยังเป็นครั้งแรกที่ผู้นำสูงสุดของจีนเยือนฮ่องกง ตั้งแต่เกิดเหตุปราบปรามการประท้วงครั้งใหญ่ในฮ่องกงเมื่อปี 2019 ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอันเข้มงวด
ทุกวันที่ 1 ก.ค. นอกจากชาวฮ่องกงจะร่วมกิจกรรมเฉลิมฉลองอันหลากหลายแล้ว บางส่วนมักเข้าร่วมชุมนุมประท้วงเพื่อแสดงออกทางการเมือง
ทั้งนี้ นับแต่กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2020 ทางการฮ่องกงได้สกัดกั้นการแสดงออกทางความคิดอย่างเสรีและการประท้วงมาโดยตลอด รวมถึงการกวาดล้างจับกุมผู้เห็นต่าง แกนนำประท้วง ซึ่งบางส่วนก็ลี้ภัยออกจากฮ่องกงไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวบีบีซีแผนกภาษาจีนรายงานว่า การเดินทางเยือนฮ่องกงครั้งแรกในรอบ 5 ปี ของนายสี จิ้นผิง และในวาระครบ 25 ปีที่ฮ่องกงกลับคืนสู่อ้อมกอดจีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้ทั่วทั้งเกาะฮ่องกงเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ และ “ตำรวจพิเศษ” ที่เกณฑ์มาจากผู้คุมเรือนจำ และกองกำลังตรวจคนเข้าเมือง
‘ฟื้นจากกองเถ้าถ่าน’
การแพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอนที่ฮ่องกงในช่วงต้นปีนี้ และปัจจุบันที่สถานการณ์ยังน่าวิตก โดยยังมีรายงานผู้ติดเชื้อ 2,000 คน/วัน ในวันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าประธานาธิบดีสี ผู้ยึดมั่นในนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ของจีน และเก็บตัวอยู่ภายในประเทศมายาวนานกว่า 2 ปี จะยกเลิกการเดินทางเยือนฮ่องกงหรือไม่ แต่ในที่สุด ผู้นำจีนก็เดินทางถึงฮ่องกงเมื่อ 30 มิ.ย. ด้วยรถไฟความเร็วสูง
ประธานาธิบดีสีกล่าวสุนทรพจน์สั้น ๆ ตอนหนึ่งว่า ฮ่องกง “ฟื้นจากกองเถ้าถ่าน” หลังผ่านความท้าทายหลายอย่าง
อย่างไรก็ดี แม้แผนการเดินทางของผู้นำจีนไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ แต่มีรายงานว่านายสีได้ข้ามพรมแดนกลับไปพักค้างคืนที่เมืองเสิ่นเจิ้นของจีนในวันที่ 30 มิ.ย. ก่อนข้ามกลับมายังฮ่องกงในวันที่ 1 ก.ค.
……..
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว