โลกรวน : พบกับบริษัทโฆษณาและพีอาร์ที่กล้าปฏิเสธลูกค้าบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิล

ก่อนปี 2019 มาเรียน เวนทูรา เจ้าของบริษัทโฆษณาและประชาสัมพันธ์ Done! มีความสุขกับการร่วมงานกับกับลูกค้าที่เป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซ

“ฉันรู้สึกว่าเราต้องผลักดันการเปลี่ยนแปลงจากข้างใน ต้องร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสและร่วมกันแสดงความรับผิดชอบ” เวนทูรา เจ้าของบริษัท. ดัน! (Done!) ซึ่งอยู่ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา

เวนทูรา เล่าว่าบรรดาบริษัทเชื้อเพลิงจากฟอสซิลในภูมิภาคละตินอเมริกานั้นถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ “ทรงเกียรติ” ซึ่งบริษัทเหล่านี้สนับสนุนกิจกรรมต่างๆ เพื่อความยั่งยืน รวมทั้งการมอบรางวัลที่เกี่ยวข้อง และแน่นอนว่าถือเป็น “ลูกค้าชั้นเยี่ยม พร้อมงบประมาณไม่อั้น”

Marian Ventura

ที่มาของภาพ, Done!

แต่แล้วในปี 2019 ความรู้สึกของมาเรียนก็เปลี่ยนไป หลังจากที่เธอตัดสินใจนำธุรกิจของเธอเข้าร่วมเป็นหนึ่งในองค์กร “บี คอร์ป” (B Corp) ซึ่งเป็นการให้การรับรองมาตรฐานระดับโลกว่าธุรกิจนั้นมีมาตรฐานในการทำเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

“การเป็นหนึ่งในบริษัท ‘บี’ นั้นทำให้เราตระหนักว่าหากเราต้องการรักษาเป้าหมายขององค์กรนั้น เราไม่สามารถทำเป็นไม่เห็นปัญหา และเมินเฉยต่อคำถามที่ว่า เรากำลังขายสินค้าหรือแบรนด์นี้ให้กับใคร เรากำลังขายอะไร และเราจะยังภูมิใจกับการขายนี้ใน 10 ปีข้างหน้าหรือไม่” เวนทูรา กล่าว

Petrol pumps

ที่มาของภาพ, Getty Images

ผลลัพธ์ก็คือบริษัทของเวนทูรา ลดการร่วมงานกับลูกค้าจากบริษัทในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิง จนปี 2021 ที่ผ่านมานั้น เธอก็ได้ก้าวไปอีกหนึ่งขั้นโดยการผลักดันบริษัทของเธอ เข้าร่วมเป็นหนึ่งใน 350 บริษัทโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในขบวนการเคลื่อนไหวที่ชื่อว่า “สร้างสรรค์อย่างสะอาด” (Clean Creatives) ซึ่งหมายความว่าบริษัทเหล่านี้ปฏิญาณที่จะไม่ร่วมงานกับบริษัทน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในอนาคต

“เราเลิกทำสัญญาณกับลูกค้าอย่างน้อย 4 เจ้าที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งปฏิเสธการขอใบเสนอราคาอีกนับสิบจากบริษัทที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็มีเข้ามาอีกเรื่อย ๆ” เวนทูรากล่าวเสริม

เธอเปิดเผยว่าการตัดสินใจครั้งนี้มาจากการฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ “มีคนที่เรามีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นบอกกับเราว่า เขาไม่เห็นด้วยกับจุดยืนของเรา เพราะเขาเชื่อว่าน้ำมันและเชื้องเพลิงนั้นเป็นทรัพยากรที่ไม่สามารถทดแทนได้สำหรับสังคม และเขาเชื่อว่ามันสามารถพัฒนาอย่างมีความรับผิดชอบได้มากกว่านี้”

องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ยอมรับว่าการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ไม่ว่า น้ำมัน แก๊สธรรมชาติ และถ่านหิน ล้วนเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือที่เราเรียกกันว่า “โลกร้อน” โดยมีส่วนร่วมในการของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คิดเป็นเกือบ 90%

และเมื่อช่วเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น กล่าวว่า “บางรัฐบาลและเจ้าของธุรกิจมักจะบอกว่ากำลังให้ความร่วมมือ แต่ที่จริงกลับทำสิ่งตรงข้าม” พร้อมเสริมว่า “รัฐบาลและธุรกิจเหล่านั้นไม่เพียงทำเหมือนปิดตา แต่การกระทำของพวกเขาเหมือนสาดเชื้อเพลิงเข้าในกองไฟนี้”

ในขณะเดียวกันนั้น มีรายการของปีนี้โดยคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของยูเอ็น เปิดเผยว่า “บริษัทโฆษณาและแผนการเสริมสร้างแบรนด์นั้นพยายามสร้างความหันเหของจุดสนใจไปจากความรับผิดชอบของบริษัท” ซึ่งการศึกษาของรายงานนี้มีการเรียกร้องให้เข้มงวดกับระเบียนข้อบังคับของการโฆษณา

ดันแคน ไมเซล ประธานองค์กร Clean Creatives ของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าเขาเห็นความพยายามในการเปลี่ยนแปลง และเสริมว่า “มีบางบริษัทบอกกับทางเราเป็นการส่วนตัวว่าพวกเขาก็เริ่มไม่เสนองานกับบริษัทเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว ถือเป็นการก้าวไปอีกขั้น”

Duncan Meisal, left

ที่มาของภาพ, Adam A. Schuett

เขากล่าวอีกว่า “ธุรกิจเชื้อเพลิงฟอสซิลใช้บริษัทโฆษณาและบริษัทพีอาร์เพื่อ ทำให้เป็นเรื่องยากขึ้นที่รัฐบาลจะบีบให้ธุรกิจเหล่านี้แสดงความรับผิดชอบ และการโฆษณามีการชวนเชื่อให้เข้าใจผิดและทำเหมือนธุรกิจเหล่านี้ทำเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมไปมากกว่าสิ่งที่พวกเขาลงมือทำจริง”

แต่บริษัทโฆษณาบางแห่งก็ยังร่วมงานกับลูกค้าบริษัทเชื้อเพลิง ไม่ว่าจะเป็นบริษัท WPP ของสหราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นบริษัทโฆษณาการตลาดใหญ่ที่สุดในโลกนั้นยังมีบริษัทในเครือที่ยังร่วมงานกับบริษัท เช่น บีพี เชลล์ และ เอ็กซอนโมบิล

“ลูกค้าของเราล้วนมีบทบาทสำคัญในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และการสื่อสารถึงการปฏิบัติงานจึงต้องเที่ยงตรง” โฆษกของ WPP ให้สัมภาษณ์พร้อมเสริมว่า “เรามีมาตราฐานที่เข้มงวดในเนื้อหาที่เราสร้างให้กับลูกค้าของเรา ซึ่งเราพยายามที่จะแสดงถึงความมุ่งมั่นต่อสิ่งแวดล้อมและการลงทุน และทางเราไม่ร่วมงานกับลูกค้า หรืองานใด ๆ ที่มีจุดประสงค์ไม่ตรงกับนโยบายหรือทำลายตามความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”

A vintage Shell advert

ที่มาของภาพ, Getty Images

ในขณะเดียวกัน อีเดลแมน บริษัทประชาสัมพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงปลายปีที่ผ่านมาถึงผลงานที่ทำให้กับบริษัทเชื้อเพลิงต่าง ๆ ซึ่งลูกค้าของบริษัทนี้มีทั้ง สมาคมผู้ผลิตเชื้อเพลิงและปิโตรเคมีอเมริกัน (American Fuel and Petrochemical Manufacturers) และเอ็กซอนโมบิล

สำนักใหญ่ของบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้ดำเนินการตรวจสอบแผนยุทธศาสตร์ทางสิ่งแวดล้อมที่ยาวนานกว่า 60 วัน ซึ่งริชาร์ต อีเดลแมน เจ้าของบริษัทกล่าวในบล็อกของบริษัทในเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่าบริษัทอาจต้อง “แยกทาง” กับลูกค้าไม่มีความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

แต่ทางอีเดลแมนได้ปฎิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมกับทางทีมข่าวบีบีซีสำหรับบทความนี้

สมาคมการค้าน้ำมันและก๊าซ ออฟชอรว์ เอเนอร์จี้ ยูเค หรือ OEUK บอกว่ามันไม่ถูกต้องที่จะวิพากษ์วิจารณ์บริษัทโฆษณาและบริษัทประชาสัมพันธ์ที่ร่วมงานกับบริษัทในภาคอุตสาหกรรมพลังงาน

“การกดดันให้บรรดาเอเจนซี่หลีกเลี่ยงการร่วมงานกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงอย่างน้ำมันและก๊าซนั้นไม่เป็นผลดีกับการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะบริษัทเหล่านั้นมีความเชี่ยวชาญทางพลังงานมาหลายสิบปีซึ่งกำลังพัฒนาและเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีสะอาดเมื่อมีความต้องการ” เจนนี่ สเตนนิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสัมพันธ์ภายนอกของ OEUK กล่าว

นอกจากนี้โฆษกของสมาคมโฆษณายังเสริมว่าทางสมาคมไม่เชื่อในการห้ามธุรกิจเชื้อเพลิงจากการโฆษณา “แต่เราก็ตระหนักถึงสิทธิของแต่ละบริษัทว่าเขาจะตัดสินใจร่วมงานหรือไม่ร่วมงานกับใคร”

“ความแม่นยำและความจริงใจในการโฆษณาคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ทำให้มีข้อกำหนดอย่างใกล้ชิดจากทั้งทาง CMA (หน่วยงานกำกับการแข่งขันและการตลาด) และ ASA (หน่วยงานกำกับมาตราฐานการโฆษณา) ซึ่งคาดหวังให้ผู้โฆษณา สามารถแสดงหลักฐานสำหรับข้อเท็จจริงที่พวกเขาบอกเกี่ยวกับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากสินค้าและการบริการที่พวกเขานำเสนอ”

“เราเชื่อในเสรีภาพในการแสดงออก และ Clean Creatives ก็มีสิทธิในการแสดงเสรีภาพของพวกเขา ซึ่งเป้าหมายสูงสุดของพวกเรานั้นก็เหมือนกัน เช่น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ แต่เราก็ยังเชื่อว่าจะมีแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมมากกว่านี้”

Solitaire Townsend

ที่มาของภาพ, Gilberto Tadday

ซอลิแทร์ ทาวน์เซนด์ เจ้าของฟิวเทอรา บริษัทโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในสหราชอาณาจักร ไม่ร่วมงานกับลูกค้าบริษัทน้ำมันและแก๊สธรรมชาติมาตั้งแต่ 15 ปีก่อน

ซอลิแทร์บอกว่าบริษัทอื่นในภาคอุตสหกรรมเดียวกับเธอจะต้องเดินตามบนเส้นนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ หากพวกเขาอยากจะดึงดูดพนักงานมากความสามารถมาทำงานด้วย

“เอเจนซี่จำนวนมากมาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง หากพวกเขาต้องการจะดึงดูดคนเก่งที่สุด เพราะคนรุ่นใหม่ไม่อยากร่วมงานกับลูกค้าที่เป็นบริษัทน้ำมันและเชื้อเพลิงแล้ว”

………..

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว