อยู่หรือไป? เส้นทาง “Skinfood” กับนโยบาย “No Sale” ทำยอดขายตก สู่การถูกฟ้องพิทักษ์ทรัพย์

스킨푸드 Skinfood

เรื่องโดย : โบนิต้า

วันก่อนนั่งเช็คทวิตเตอร์ ไปเจอเข้ากับเรื่องราวของเเบรนด์สกินเเคร์ดังสัญชาติเกาหลีอย่าง “SkinFood” ที่จ่อถูกฟ้องล้มละลาย

ความตกใจนำมาซึ่งคำถามว่า แบรนด์ที่ติดตลาดเเละมีคนใกล้ตัวใช้มากขนาดนี้ เหตุใดธุรกิจจึงจะไม่ได้ไปต่อ

เล่าย้อนกลับไปช่วงยุค 2000 “Skinfood” ถือเป็นเเบรนด์เครื่องสำอางท็อป 3 ของเกาหลี มียอดขายเป็นรองเเค่ missha เเละ the face shop ถือเป็นอีกหนึ่งเเบรนด์ที่ติดตลาดเเละโตอย่างรวดเร็วเเม้จะเพิ่งเปิดตัวในปี 2004 ก็ตาม

ปี 2010 “SkinFood” ทำรายได้ถึง 4,704 ล้านบาท ฟันกำไรไปถึง 350 ล้านบาท นำมาซึ่งความมั่นใจในเเบรนด์ของตนเอง เพราะจุดเด่นของเเบรนด์ คือส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ เห็นได้จากเซตสกินเเคร์ “TOMATO” ที่หลายคนต้องคุ้นเคยกับเจ้ามะเขือเทศนี้ ยังไม่นับเซตสกินเเคร์จากกล้วย พีช อโวคาโด้ เลม่อน ที่ฮอตไม่เเพ้กัน

เมื่อกำไร เเละฐานลูกค้าที่มากขึ้น ในปี 2012 บริษัทประกาศนโยบายเเบบ “NoสนNoแคร์” อย่าง “นโยบาย No Sale” ที่ไม่ลดราคาสินค้า เเละไม่จัดโปรโมชั่น ท่ามกลางการเเข่งขันของเเบรนด์เกาหลีที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า ทำนองว่า “ราคานี้เหมาะกับการควักเงินจ่ายให้ได้มาแล้วนะ”

เเต่ผลดันสวนทาง ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ เนื่องด้วยเเบรนด์อื่นๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้า หรือเพิ่งเกิดตามหลังมา ต่างก็ประโคมลดราคาดึงดูดลูกค้า เเละคุณภาพก็ไม่ได้น้อยหน้า ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคโบกมือลา เเละหันไปซบสกินเเคร์ เครื่องสำอางจากแบรนด์อื่น

Skinfood จากที่ทำรายได้มากถึง 5,800 ล้านบาท กำไรกว่า 437 ล้านบาท ในปี 2012 ปีต่อมารายได้บริษัทลดฮวบเหลือ 4,800 ล้านบาท กำไรลดลงเหลือเพียง 87 ล้านบาทเท่านั้น “การลดราคา” ที่ประกาศไว้ว่าจะไม่มีนั้น ถูกนำกลับมาใช้ในปี 2015 อีกครั้ง เเต่ดูท่าจะสายเกินไปเสียเเล้ว

เพราะตั้งเเต่นั้นเป็นต้นมารายได้ของบริษัทก็ลดมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 3,700 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 25 เปอร์เซ็นต์ มีหนี้สะสมอยู่ที่ 1,260 ล้านบาท นำมาซึ่งการถูกคู่สัญญา 14 แห่งยื่นฟ้องร้องให้พิทักษ์ทรัพย์ต่อศาล เพราะบริษัทขาดสภาพคล่องทางการเงิน แม้ว่าบริษัทจะปรับกลยุทธ์ ขายลิขสิทธิ์การบริหารเเบรนด์ในร้านค้าต่างประเทศ ทั้งยังจับมือกับ อเมซอน โคเรีย เพื่อเปิดร้านค้าบนเว็บไซต์อเมซอน หวังดึงลูกค้าต่างประเทศ

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา บริษัทคู่สัญญา 14 แห่ง ของ iPEERS Cosmetics ซึ่งเป็นบริษัทเเม่ของ Skinfood ยื่นฟ้องร้องให้พิทักษ์ทรัพย์ต่อศาล เนื่องจากบริษัทผิดนัดชำระหนี้กว่า 58 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทได้ขอประนอมหนี้เเล้ว

บริษัท ระบุว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ในช่วงการบริหารงานให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เเต่ด้วยเอกลักษณ์ของเเบรนด์ เชื่อว่าการปรับโครงสร้างหนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายรวมทั้งเจ้าหนี้ด้วย

ดูเหมือนเเบรนด์ยังคงเดินหน้าต่อ เเละคงมีการวางเเผนท่ามกลางการเเข่งขันของตลาดความงามที่ดุเดือดไม่เเพ้ตลาดอื่นๆ เพื่อเพิ่มกำไร เเละจัดการหนี้ให้ได้ในที่สุด เพื่อให้ “Skinfood” สกินเเคร์เเละเครื่องสำอางที่อยู่ในใจใครหลายๆ คน ดำเนินการต่อไปได้

งานนี้ก็ต้องมารอลุ้นกันว่าบริษัทจะมีเเผนการใหม่ หรือเดินหน้าอย่างไร เชื่อว่าเรื่องคงไม่จบง่ายๆ เเน่นอน

 

 

ข้อมูลจาก : http://m.koreaherald.com 


ภาพจาก : Facebook 스킨푸드 Skinfood